วันนี้ (23 มีนาคม) พล.ต.ต. ปิติ นฤขัตรพิชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี กล่าวภายหลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังตำรวจวิสามัญ อนุวัช แหวนทอง อายุ 29 ปี ผู้ก่อเหตุกระหน่ำยิงปืนภายในซอย 4 หมู่บ้านกรุงเพชรวิลล่า หมู่ที่ 3 บ้านไร่กล้วย ตำบลต้นมะม่วง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งก่อเหตุมาตั้งแต่เวลา 13.30 น. ของวานนี้ (22 มีนาคม) เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย เสียชีวิต 3 ราย ว่าใช้กำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ 3 ชุด คือ นเรศวร 261,คอมมานโด และหน่วยปฏิบัติการพิเศษอินทรี 7 ของตำรวจภูธรภาค 7 เข้าควบคุมสถานการณ์
ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ปิดล้อมอยู่ ผู้ก่อเหตุได้พูดคุยผ่านทางเฟซบุ๊กกับเพื่อนซึ่งเป็นตำรวจ โดยยืนยันว่าจะต่อสู้กับตำรวจแน่นอน และก่อนหน้านี้ตำรวจได้พยายามเจรจาต่อรองแล้วหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่มีการเจรจาต่อรอง ผู้ก่อเหตุก็จะใช้อาวุธปืนยิงเข้ามาตลอด จึงต้องทำการคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งก็เป็นไปตามดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา
พล.ต.ต. ปิติกล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบอาวุธปืนกล็อก 19 จำนวน 1 กระบอก ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ขออนุญาตนายทะเบียนไว้อย่างถูกต้อง และพบแม็กกาซีน 2 แม็ก ส่วนจำนวนเครื่องกระสุนอยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่พบว่าเคยสั่งซื้อกระสุนจากอินเทอร์เน็ตด้วย ส่วนผู้ก่อเหตุเคยทำงานเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ป่า
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีการตั้งข้อสังเกตจากการที่เจ้าหน้าที่ไปซุ่มปฏิบัติการและถูกยิงเฉียดบริเวณใบหน้า ซึ่งถือว่าผู้ก่อเหตุมีความแม่นยำในการใช้อาวุธ คาดว่าเพราะทำงานเป็นผู้พิทักษ์ป่า และเคยเป็นพลทหารอยู่ประมาณ 1 ปีกว่า รวมถึงจากการพูดคุยกับแม่ผู้ก่อเหตุ ได้ให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเคยไปสนามยิงปืนบ่อยครั้ง และเป็นคนชอบเรื่องอาวุธ
พล.ต.ต. ปิติกล่าวด้วยว่า หลายปัจจัยทำให้เจ้าหน้าที่ประเมินแล้วว่า คนร้ายมีความรอบรู้ในการใช้อาวุธพอสมควร และยืนยันว่าผู้ก่อเหตุไม่เจรจาและยิงตอบโต้อย่างเดียว อีกทั้งผู้ก่อเหตุมีการวางแผนตั้งรับเจ้าหน้าที่ใช้น้ำมันราดบริเวณพื้นบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่าง เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่เข้าจู่โจมถึงตัวได้เร็ว และใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นที่กำบัง ซึ่งหลังจากนี้จะเร่งทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบวิถีกระสุนโดยละเอียดต่อไป
ทั้งนี้ ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากทีมเยียวยาจิตใจของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลต้นมะม่วง และฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่มาสอบถามข้อมูลของผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ เพื่อประเมินสภาพจิตใจเป็นรายบุคคล ว่าบุคคลใดจะต้องได้รับการเยียวยาและดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มของผู้สูงอายุที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสที่จะเผชิญภาวะเครียดภายหลังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวัญได้ เบื้องต้นจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการประเมินผู้ป่วย