วานนี้ (12 ธันวาคม) พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังเข้าชี้แจงความคืบหน้าคดีกลุ่มธุรกิจคนจีนผิดกฎหมายกับ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กว่า 3 ชั่วโมง
โดยยืนยันว่าขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว และใกล้ที่จะสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ในบางคดี ยืนยันว่าขณะนี้ยังรอหลักฐานเส้นทางการเงินจากธนาคารเพื่อนำมาพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ฐานฟอกเงิน พร้อมยืนยันว่าจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหานี้ได้อย่างแน่นอน
“ในคดีความผิดนอกราชอาณาจักรนั้นขณะนี้ยังไม่ปรากฏหลักฐาน เนื่องจากคดีนี้จะต้องมีการทำความผิดทั้งในและต่างประเทศชัดเจน โดยเฉพาะการโอนเงินไปยังบุคคลอื่นในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ตำรวจยังไม่พบ แต่หากพบมีความผิดก็จะดำเนินคดีเช่นกัน” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าว
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า คดียาเสพติดที่กลุ่มนี้เรียกว่า ‘แฮปปี้วอเตอร์’ เป็นยาเสพติดที่ผสมกันขึ้นมาเองอย่างง่ายๆ ในประเทศ โดยที่ไม่ได้นำเข้า จึงยังถือว่าเป็นความผิดในราชอาณาจักรเท่านั้น ส่วนที่ก่อนหน้านี้ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาระบุว่าไม่มั่นใจการทำงานของตนเอง ก็ขอยืนยันว่าไม่คิดน้อยใจและไม่โกรธ เพราะคดีนี้ไม่สามารถทำได้ด้วยความรู้สึกได้ แต่จะต้องทำไปตามพยานหลักฐานที่สืบสวนได้
ขณะที่การสอบสวนหัวหน้าสถานีตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) 27 แห่ง ได้เรียกมาสอบสวนไปแล้วกว่า 2 สัปดาห์ และบางนายได้ร้องไห้ขณะถูกสอบสวนเพราะจำนนต่อหลักฐานที่พบการให้อนุญาตอยู่ในไทย แต่หลังจากนี้เชื่อว่าจะมีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่เกี่ยวข้องมากกว่า 27 นายนี้ ผู้ที่มีลายเซ็นเกี่ยวข้องก็จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด รวมไปถึงนายพลที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่พบข้อมูลก่อนหน้านี้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะเรียกมาสอบสวนทั้งหมดไม่มีละเว้น
“ขณะนี้ยังมีการตรวจค้นทรัพย์สินของตู้ห่าวอยู่อย่างต่อเนื่อง และขอให้ประชาชนมีความมั่นใจในการทำงานของตำรวจที่ได้สืบสวนมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว รวมทั้งสามารถดำเนินคดีกับตู้ห่าวและคนจีนอีกกว่า 100 คน ซึ่งยังอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าว
