วันนี้ (27 กรกฎาคม) พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดเอกสารของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากการของบประมาณปี 2566 ในโครงการจัดหาระบบรวบรวมและประมวลผลข่าวกรองขั้นสูง (สปายแวร์) วงเงิน 348 ล้านบาท โดยมีบริษัทเสนอราคา 3 ราย ซึ่งในยี่ห้อ Q CYBER มีการเสนอราคามาต่ำที่สุด ซึ่งยี่ห้อดังกล่าวเป็นบริษัทเดียวกับยี่ห้อเพกาซัส
สำหรับการจัดซื้อครั้งนี้มีการของบประมาณผูกพันติดต่อกัน 5 ปี อีกทั้งยังมีคุณสมบัติที่สามารถอยู่บนอุปกรณ์ของเป้าหมายโดยที่เป้าหมายไม่ทราบถึงการติดตั้ง และเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานได้แบบไร้สาย ซึ่งสามารถรวบรวมข้อมูล รายชื่อ ไฟล์ประวัติการโทร การค้นหา รูปภาพ นัดหมาย กิจกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างน้อย, สามารถเปิดไมค์เพื่อดักฟังสภาพแวดล้อมได้, สามารถสั่งการผ่านหน้าจอบนอุปกรณ์เป้าหมายได้, ถ่ายภาพผ่านกล้องบนอุปกรณ์เป้าหมายได้, บอกตำแหน่งเป้าหมายด้วย GPS และตรวจสอบการโทรด้วยเสียงและโทรผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น อุปกรณ์ตัวนี้ถือว่าเป็นตัวเดียวกัน และสามารถเจาะเข้าโทรศัพท์ได้ 10 เบอร์ในเวลาเดียวกัน
ทั้งนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุ 4 ระบบที่ใช้อยู่นั้นไม่เพียงพอต่อการทำงาน จึงได้ขอซื้อเพิ่ม จากแบบเดิมที่เป้าหมายจะต้องคลิกลิงก์บางอย่างเพื่อให้เข้าถึงข้อมูลได้ และไม่สามารถเข้าถึงระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ได้ ดังนั้นจึงต้องการแบบใหม่ ที่เป้าหมายไม่ต้องดำเนินการใดๆ ก็สามารถที่จะเข้าไปดึงข้อมูลได้ อีกทั้งยังเข้าสู่ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆ ได้ และสามารถพัฒนาตามแต่ละรุ่นได้
“นี่เป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงในสภา พยายามที่จะบิดเบือนว่าไม่รู้จักเพกาซัสคงเป็นไปไม่ได้ ถ้ารัฐบาลมีเครื่องมือนี้ขึ้นมาที่ไม่ใช่การตรวจสอบประชาชน แต่เป็นการใช้งานในการอาชญากรรม พล.อ. ประยุทธ์จะอธิบายได้ง่ายมาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในสภา นี่คือพฤติกรรมของคนที่มีพิรุธ นำสปายแวร์มาใช้อย่างผิดประเภท มาใช้ในการสอดแนมประชาชน ก็เลยไม่สามารถที่จะอธิบายอย่างตรงไปตรงมาหรือชี้แจงได้” พิจารณ์กล่าว
พิจารณ์ระบุต่อไปว่า สปายแวร์จะถูกขายให้กับรัฐเท่านั้น ไม่ได้ขายให้เอกชน ดังนั้นขณะนี้มี 35 คนที่ถูกสอดแนมจากรัฐแน่นอน ซึ่ง 35 คนแบ่งเป็น นักกิจกรรม 24 คน, นักวิชาการ 3 คน, NGO 3 คน และนักการเมือง 5 คน
ดังนั้นการใช้สปายแวร์นี้ รัฐบาลใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เพราะไม่ใช่มีแค่กองปราบปรามยาเสพติดของ สตช. แต่ยังมี กอ.รมน. และหน่วยข่าวกรองกองทัพบกที่ใช้สปายแวร์นี้ด้วย ดังนั้นหน่วยงานเหล่านี้จะออกมายอมรับหรือไม่ว่าใช้สปายแวร์อย่างผิดวัตถุประสงค์ หลังจากนี้ตนจะรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานเพิ่มเติม และจะนำไปสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยเบื้องต้นผู้ที่ถูกละเมิดทุกคนจะฟ้องทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่อรัฐ
จากเอกสารการของบประมาณปี 2566 ในโครงการจัดหาระบบรวบรวมและประมวลผลข่าวกรองขั้นสูง (สปายแวร์) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดยมีบริษัทเสนอราคา 3 ราย ซึ่งในยี่ห้อ Q CYBER มีการเสนอราคามาต่ำที่สุด โดยยี่ห้อดังกล่าวเป็นบริษัทเดียวกับยี่ห้อเพกาซัส
การจัดซื้อครั้งนี้มีการของบประมาณผูกพันติดต่อกัน 5 ปี คือ ปี 2566-2570 วงเงิน 348,065,250 บาท
มีคุณสมบัติที่สามารถอยู่บนอุปกรณ์ของเป้าหมายโดยที่เป้าหมายไม่ทราบถึงการติดตั้ง และเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานได้แบบไร้สาย ซึ่งสามารถรวบรวมข้อมูล รายชื่อ ไฟล์ประวัติการโทร การค้นหา รูปภาพ นัดหมายกิจกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างน้อย, สามารถเปิดไมค์เพื่อดักฟังสภาพแวดล้อมได้, สามารถสั่งการผ่านหน้าจอบนอุปกรณ์เป้าหมายได้, ถ่ายภาพผ่านกล้องบนอุปกรณ์เป้าหมายได้, บอกตำแหน่งเป้าหมายด้วย GPS และตรวจสอบการโทรด้วยเสียงและโทรผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
สามารถเจาะเข้าโทรศัพท์ได้ 10 เครื่องในเวลาเดียวกัน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า 4 ระบบที่ใช้อยู่นั้นไม่เพียงพอต่อการทำงาน จึงได้ขอซื้อเพิ่ม จากแบบเดิมที่เป้าหมายจะต้องคลิกลิงก์บางอย่างเพื่อให้เข้าถึงข้อมูลได้ และไม่สามารถเข้าถึงระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ได้ ดังนั้นจึงต้องการแบบใหม่ ที่เป้าหมายไม่ต้องดำเนินการใดๆ ก็สามารถที่จะเข้าไปดึงข้อมูลได้ อีกทั้งยังเข้าสู่ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆ ได้ และสามารถพัฒนาตามแต่ละรุ่นได้