วันนี้ (29 ธันวาคม) เวลา 08.00 น. พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานช่วงเทศกาล ปีใหม่ 2568 โดยมี พล.ต.ท. สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท. ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว, พล.ต.ท. อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมผู้แทนจากทุกหน่วยงาน ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. และประชุมทางไกล
ทั้งนี้ ที่ประชุมสรุปปริมาณการจราจรขาเข้าและขาออกกรุงเทพมหานครบนถนนหลวงสายหลักและมอเตอร์เวย์ 11 เส้นทาง พบว่าวันที่ 28 ธันวาคม มีปริมาณรถเดินทางออกสูงสุด โดยมีจำนวน 700,126 คัน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติ 26.4% และเพิ่มขึ้น 28.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คาดว่าวันนี้จะมีปริมาณรถขาออกลดลง
ส่วนสภาพการจราจรหนาแน่นพบว่าอยู่ในช่วงสายอีสาน บริเวณอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และถนนมิตรภาพ ช่วงเนินกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พบว่าปริมาณรถยังหนาแน่น แต่เคลื่อนตัวได้ ซึ่งตำรวจทางหลวงเตรียมเปิดช่องทางพิเศษทั้ง 2 จุด
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันปริมาณรถเบาบางลง คาดว่าวันนี้ไม่เกินเวลา 12.00 น. จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ส่วนเส้นทางขาออกสายเหนือ สายตะวันตก และสายตะวันออก รถเคลื่อนตัวได้ดีในทุกเส้นทาง
นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีโครงการนำอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก (โดรน) เพื่อตรวจการจราจรทางอากาศ ซึ่งโดรนจะบินตรวจการจราจรในจุดต่างๆ และรายงานมายังศูนย์ฯ เพื่อรับทราบปัญหาแบบเรียลไทม์
สำหรับการเตรียมความพร้อมด้านกำลังพลและอุปกรณ์งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568 สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมพร้อมกำลังพลและชุดเคลื่อนที่เร็วทั่วประเทศกว่า 40,000 นาย ตั้งจุดตรวจ-จุดสกัดรวม 4,068 จุดทั่วประเทศ เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง ส่วนโครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) จำนวน 10,479 หลัง คืนบ้านแล้ว 108 หลัง คงเหลือ 10,371 หลัง พบว่าทุกหลังปกติและเรียบร้อยดี
ส่วนสถานที่จัดงานเคานต์ดาวน์ขนาดใหญ่ 49 แห่งทั่วประเทศนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 พร้อมหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรแล้วในทุกจุด โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศกว่า 20,000 นายในการปฏิบัติ รวมเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติทุกมิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ทุกพื้นที่ทั่วประเทศกว่า 60,000 นาย
ทั้งนี้ ผบ.ตร. มีข้อกำชับสั่งการไปยังหน่วยงานต่างๆ ดังนี้
- ให้ผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับการ/หัวหน้าหน่วย ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางและปริมาณรถ ปรับแผนการปฏิบัติให้สอดคล้องกับข้อมูลและแผนในภาพรวม โดยพิจารณาเส้นทางหลัก, เส้นทางรอง, การเกิดอุบัติเหตุ และสภาพพื้นที่หรือการจัดงาน
- กำชับหน่วยต่างๆ ให้มีผลการปฏิบัติใน 10 ข้อหาหลักอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เน้นการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุ กำชับการตั้งจุดตรวจ-จุดสกัดตามหลักยุทธวิธีและกฎหมาย ห้ามมิให้มีการเรียกรับ ยอมรับ ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นๆ รวมทั้งใช้กิริยาวาจาที่สุภาพและเป็นมิตรกับประชาชน
- โครงการฝากบ้าน 4.0 ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 จัดกำลังสายตรวจให้เหมาะสม กำหนดวงรอบ และวางมาตรการป้องกันเหตุ ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบการปฏิบัติและวางแผนการปฏิบัติในภาพรวม เพื่อให้มีการตรวจตราอย่างต่อเนื่อง
- ให้ผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับการ/หัวหน้าหน่วย ศปก.สน. บริหารจัดการพื้นที่ในการจัดงานเคานต์ดาวน์ให้เหมาะสม คัดกรองบุคคล, เส้นทางฉุกเฉิน, การเข้าระงับเหตุในพื้นที่ อย่าให้แออัด ปริมาณคนต้องเหมาะสมกับพื้นที่
- ให้กำหนดมาตรการตรวจสอบสถานบริการ, ร้านอาหาร, สถานที่จัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนการตรวจสอบทางเข้า-ออกเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน และการตรวจสอบความผิดเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน
- ให้หน่วยที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองและการขนยาเสพติดตามแนวชายแดน เส้นทางหลัก/รอง/เลี่ยง โดยเน้นการสืบสวนหาข่าวและการตั้งจุดตรวจ
- ให้โรงพยาบาลตำรวจ, กองบินตำรวจ, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ, ชุดปฏิบัติการพิเศษ EOD และฝ่ายสนับสนุนต่างๆ จะต้องเตรียมความพร้อมรองรับการปฏิบัติได้ทันที
นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังมอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญผู้ใต้บังคับบัญชา และแนะนำการปฏิบัติให้ละเอียด มีความเข้าใจทุกนาย ตรวจสอบการแต่งกาย อุปกรณ์ และเครื่องมือให้พร้อมปฏิบัติ โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่หรือเทศกาลต่างๆ เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดูแลรักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องประชาชน ขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายจงถือเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ที่จะได้กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ให้สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์