×

ผบ.ตร. เรียกประชุมนายพลทั่วประเทศ รับมอบนโยบาย เน้นดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ลดเงินตำรวจระดับสูง สั่งเริ่มเป็นอินฟลูรับเรื่องร้องทุกข์

โดย THE STANDARD TEAM
04.11.2024
  • LOADING...
ผบ.ตร.

วันนี้ (4 พฤศจิกายน) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายบริหารราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ระดับรอง ผบ.ตร. ถึงผู้บังคับการจากทั่วประเทศเข้าร่วม

 

อันดับแรก พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวถึงวิสัยทัศน์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ระบุว่า “เป็นตำรวจมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน”

 

พร้อมอธิบายว่า วิสัยทัศน์ของตนเองมีความชัดเจนในทุกคำ ไม่จำเป็นต้องตีความ ทุกคนในที่ประชุมแห่งนี้ต้องทำตามนี้ หากทำตามวิสัยทัศน์ที่ว่าต้องซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส จะนำมาซึ่งความผาสุกคือความเชื่อมั่นศรัทธาของพี่น้องประชาชน

 

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า การประชุมมอบนโยบายในวันนี้จัดขึ้นก่อนการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร. และผู้บังคับบัญชา เพราะต้องการทำความเข้าใจก่อนที่ทุกท่านในที่นี้จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งระดับผู้บัญชาการหรือหัวหน้าสถานี เนื่องจากปีนี้เป็นปีแรกที่มีการใช้กฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กฎ ก.ตร.) ที่ทำให้กระบวนการแต่งตั้งเลื่อนระยะเวลาออกไปอีกถึง 2 เดือน

 

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวถึง 15 นโยบายการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ดังนี้

 

  1. ปกป้องเทิดทูนสถาบันฯ
  2. เปลี่ยนแนวคิด: ข้าราชการตำรวจต้องปรับทัศนคติและค่านิยม เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นตำรวจ
  3. ทำดีมีรางวัล: ยกย่อง เชิดชู ตอบแทน ตำรวจที่ทำดี ซึ่งหวังว่าในห้วงเวลาที่ตนเองเป็น ผบ.ตร. สิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันหากมีการกระทำผิดจะต้องตัดสินลงโทษอย่างเด็ดขาด “ต่อไปนี้เราจะเป็นตำรวจยุคใหม่ New Generation”
  4. ปรับการบริการและพัฒนางานสถานีตำรวจ: เพราะสถานีตำรวจคือจุดยุทธศาสตร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  5. พัฒนางานสอบสวน อำนวยความยุติธรรมทางอาญา: เนื่องด้วยองค์กรตำรวจคือกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นและเป็นหน้าที่สำคัญ
  6. ปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน: ในเรื่องยาเสพติดต้องมุ่งจัดการผู้ค้ารายย่อยอย่างจริงจัง ซึ่งการที่ตนเองลงพื้นที่ไปจัดการเรื่องนี้ในเวลา 1 ปี ทำให้เห็นถึงปัญหาอย่างแท้จริง จึงอยากกำชับว่า “เหรียญบาทตกแม้เหรียญเดียวพวกท่านต้องรู้”
  7. ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย: จากนี้จะเป็นงานหนักของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่จะต้องเข้มงวด ไม่ปล่อยให้มีแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองมาประกอบอาชีพที่เบียดเบียนประชาชนไทย หรือก่อเหตุอาชญากรรมสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน
  8. สร้างวินัยจราจร: ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถสาธารณะต้องจัดการให้เป็นระเบียบ ในเรื่องนี้ยอมรับว่าอาจไม่ได้สำเร็จในยุคของตนเอง แต่ต้องพยายามทำให้ดียิ่งขึ้น ตำรวจจะไม่ใช้หลักนิติศาสตร์เต็ม 100% แต่ต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ร่วมด้วย
  9. การข่าวเชิงรุก: เข้มข้นในการวางแผนการข่าว เช่น เรื่องชายแดนใต้ หรือแม้แต่การชุมนุม
  10. สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนและความโปร่งใส: ตามหลักนิติธรรมต้องให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมกับตำรวจ
  11. สร้างแผนแม่บท Master Plan: การถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ตำรวจเท่าทันยุคสมัย จากนี้ทุกอย่างต้องมีรูปแบบการทำงาน เพื่อวางเส้นทางให้ตำรวจรุ่นหลัง
  12. ปรับรูปแบบการบริหารงานบุคคลและงบประมาณ: ต้องจัดสรรให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีมากกว่า 300,000 นาย แบบที่เรียกว่าพลิกกลับคือระดับล่างลงไปต้องได้การสนับสนุนมากขึ้น ผู้ปฏิบัติงานต้องได้เงินตอบแทนสมเหตุสมผลในฐานะคนทำงาน ไม่ใช่เงินทับถมที่ฝ่ายบริหารตำรวจระดับสูง
  13. ปรับปรุงระเบียบ คำสั่ง กฎหมาย: จะต้องจัดกลุ่มกฎหมายและระเบียบ เพื่อให้การใช้งานเป็นไปได้จริง สะดวกต่อผู้บังคับใช้กฎหมาย
  14. ฝึกอบรม เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: เพราะการลงทุนกับคนเป็นเรื่องคุ้มค่า เราจำเป็นต้องเพิ่มทักษะและความสามารถ
  15. สวัสดิการตำรวจ: สิ่งที่ตำรวจพึงมีต้องมีอย่างไม่ขาดตก รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ที่มีปฏิภาณไหวพริบดูแลประชาชนให้ปลอดภัย ผู้ที่เสียสละชีวิตตัวเองจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างคุ้มค่า

 

ในส่วนสุดท้าย พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กำชับข้อปฏิบัติ 6 ข้อ ประกอบด้วย

 

  1. การช่วยราชการ การสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการต้องเป็นไปตามมาตรา 92 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และระเบียบ ตร. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการใน ตร. พ.ศ. 2566 อย่างเคร่งครัด
  2. สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่ปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบกระทำความผิดเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และประกอบอาชีพโดยผิดกฎหมาย
  3. การดูแลนักท่องเที่ยว การรักษาความปลอดภัย ดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
  4. การอำนวยการจราจร ป้องกัน และลดอุบัติเหตุ ในช่วงเทศกาล
  5. สมาคมแม่บ้านตำรวจ สนับสนุนความร่วมมือในการทำงานของสมาคม ซึ่งวันนี้ที่เชิญสมาคให้มารับฟังด้วยกัน เพราะต้องการให้แม่บ้านเดินหน้าไปกับตำรวจและครอบครัว หากฝ่ายชายเดินทางไปตรวจเยี่ยมก็ให้ฝ่ายหญิงไปด้วยกัน สิ่งใดที่ไม่จำเป็นไม่ต้องทำ
  6. ผู้บัญชาการ/ผู้บังคับการต้องมีความเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ ด้วยตนเองต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน

 

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวถึงของขวัญปีใหม่ที่จะมอบให้ประชาชนในปี 2569 ว่า กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) จัดทำแอปพลิเคชัน Cyber Check เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทั้งเบอร์โทรศัพท์และหมายเลขบัญชีให้ประชาชน ส่วนโครงการเดิมที่มีอยู่ เช่น ฝากบ้านไว้กับตำรวจ ยังคงต้องเดินหน้าต่อ รวมไปถึงการออกตรวจสุขภาพประชาชนและตำรวจ

 

สุดท้ายนี้สิ่งที่ตนเองอยากฝากไว้ให้ผู้บังคับบัญชากำชับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาของตนคือการใช้โซเชียลมีเดียต้องเป็นไปอย่างมีสติ และหากมีเหตุเกิดในพื้นที่ตำรวจต้องจัดการอย่างรวดเร็ว อย่าปล่อยปละละเลย

 

ทั้งนี้ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังมอบนโยบายว่า สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำในวันนี้คือขอให้ตำรวจปรับทัศนคติตนเองให้เดินหน้าไปสู่การทำงานที่จะสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อประชาชน ตนเองจะพยายามผลักดันองค์กรให้ทำถึงจุดนั้นให้ได้ การให้ความสำคัญในงานสืบสวนสอบสวน เพราะตำรวจเป็นองค์กรอำนวยการความยุติธรรมเบื้องต้น ต้องเข้าใจบทบาทและหน้าที่ตัวเองในการเป็นตำรวจ เราจะต้องทำให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจเต็มใจและพร้อมที่จะทำ

 

ส่วนนโยบายที่ให้ตำรวจเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ ทุกวันนี้ตำรวจต้องขอบคุณภาคเอกชนที่คอยรับเรื่องความทุกข์ของพี่น้องประชาชนมาส่งต่อ แต่ตนเองอยากให้ผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ หัวหน้าสถานี เปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนความคิด เป็นผู้รับเรื่องราวเอง ให้ทำตัวเหมือนอินฟลูเอ็นเซอร์ แก้ไขความทุกข์ร้อนให้พี่น้องประชาชน แม้ไม่ใช่หน้าที่หน้างานของตัวเองก็จะต้องรับเรื่องทั้งหมดและส่งต่อได้ และมุ่งเน้นให้รีบทำให้เร็วที่สุด เพื่อคลายความทุกข์ของพี่น้องประชาชน

 

ส่วนการเชิญแม่บ้านตำรวจเข้ามาประชุม เพื่อให้สนับสนุนการทำงานจากนี้ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตนเองมีจุดประสงค์ให้สมาคมซึ่งในที่นี้ก็คือภรรยาของข้าราชการตำรวจได้มานั่งฟังว่าตำรวจจะต้องทำงานภายใต้แนวทางแบบใด ทิศทางใด อยากให้ฝ่ายหญิงได้ร่วมรับฟัง ส่วนสมาคมให้เดินคู่กันในเรื่องการทำงาน ส่งเสริมครอบครัวตำรวจให้มีความสุข แก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อน ยกระดับครอบครัวตำรวจ สร้างอาชีพ เสริมรายได้

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X