วันนี้ (12 เมษายน) พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยและความสะดวกในการจราจร ตลอดจนความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนจากอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับ 8 สิ่งต้องระวังในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดังนี้
- สภาพของคนและยานพาหนะในการเดินทาง ก่อนเดินทางควรพักผ่อนให้เพียงพอ ศึกษาเส้นทางในการเดินทาง รวมถึงตำแหน่งสถานีน้ำมันเชื้อเพลิงหรือจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในเส้นทาง และควรตรวจเช็กสภาพรถให้มีความพร้อมในการขับขี่ โดยเฉพาะระบบห้ามล้อ ยาง และไฟส่องสว่าง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
- การขับขี่รถจักรยานยนต์ ควรสวมใส่หมวกนิรภัยตลอดเวลาที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ ทั้งคนขับและคนซ้อน เมื่อขับขี่มาถึงบริเวณที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์ ควรขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ ไม่เบรกกะทันหัน เพราะอาจทำให้รถจักรยานยนต์เสียหลัก หรือรถที่ขับขี่ตามหลังหยุดไม่ทัน และควรใช้มือทั้งสองข้างจับแฮนด์รถจักรยานยนต์ไว้ให้มั่น
- ไม่ขับขี่ขณะเมาสุรา เพราะอาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหากขับขี่ขณะเมาสุราแล้วเกิดอุบัติเหตุจนผู้อื่นถึงแก่ความตายจะต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 43 (2) ประกอบมาตรา 160 ตรี วรรคสี่
- ไม่โพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมข้อความชักชวน เพราะการโพสต์ในลักษณะดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 32 ประกอบมาตรา 43
- ไม่โพสต์ภาพวาบหวิวหรือภาพลามก เพราะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14 (4)
- การถูกทำอนาจารหรือคุกคามทางเพศ เพราะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พี่น้องประชาชนมักจะออกมาเล่นน้ำสงกรานต์ตามสถานที่ที่มีการจัดกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ไม่หวังดีอาจอาศัยจังหวะที่คนหนาแน่นเข้ามาทำอนาจารหรือคุกคามทางเพศได้ โดยเฉพาะผู้ที่แต่งกายวาบหวิวจะต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
- การถูกลักทรัพย์ เนื่องจากพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่มักเดินทางกลับภูมิลำเนาที่ต่างจังหวัด ทำให้ไม่มีคนอาศัยอยู่ที่บ้าน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีใช้โอกาสนี้เข้าไปลักทรัพย์ จึงควรที่จะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือเข้าร่วมโครงการ ‘ฝากบ้าน 4.0’ เพื่อยกระดับความปลอดภัย นอกจากนี้ ไม่ควรนำทรัพย์สินมีค่าติดตัวไปเล่นน้ำสงกรานต์ เพราะอาจเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพได้
- อุบัติเหตุจากการเล่นน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเด็กและเยาวชนในการเล่นน้ำสงกรานต์ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นน้ำท้ายรถกระบะ การลงไปว่ายน้ำในลำคลอง การสาดน้ำหรือฉีดน้ำใส่รถจักรยานยนต์ ซึ่งล้วนแล้วแต่นำมาสู่อุบัติเหตุซึ่งอาจร้ายแรงถึงชีวิตได้ พี่น้องประชาชนจึงควรใช้ความระมัดระวังในการเล่นน้ำสงกรานต์ และควรดูแลบุตรหลานอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนต้องการแจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือ สามารถโทรศัพท์มาที่สายด่วน 191 หรือสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 หรือในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง