วันนี้ (10 ธันวาคม) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แถลงผลสำเร็จของปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ภายใต้ชื่อปฏิบัติการทลายแก๊งรัสเซีย ยุค 2025 ใช้ AI บงการขายยานรก โดยสามารถจับกุมเครือข่ายชาวรัสเซียที่ใช้นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการบริหารจัดการธุรกิจค้ายาเสพติดเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การรับออเดอร์ไปจนถึงการส่งมอบสินค้า โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวบุคคล
สืบเนื่องจากชุดลาดตระเวนออนไลน์ของศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บช.น. ได้รับเบาะแสการแพร่ระบาดของสติกเกอร์ QR Code ภาษารัสเซีย ระบุข้อความโฆษณาขายยาเสพติด แปะกระจายอยู่ในย่านธุรกิจสำคัญ ทั้งลุมพินี ปทุมวัน และยานนาวา พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. นำทีมสืบสวนนครบาลลงพื้นที่แกะรอยทันที
จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มคนร้ายใช้แผนประทุษกรรมที่ล้ำสมัย โดยเมื่อสแกน QR Code จะเข้าสู่แอปพลิเคชัน Telegram ซึ่งมี AI Bot ทำหน้าที่ตอบโต้ลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีมนุษย์ควบคุม ระบบรับชำระเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลเท่านั้น และมีการตรวจสอบยอดเงินแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องใช้สลิปโอนเงิน
ความน่ากลัวของขบวนการนี้คือวิธีการส่งมอบยาเสพติด ที่เปลี่ยนรูปแบบเป็น เกมล่าสมบัติ (Dead Drop) กล่าวคือ ผู้ขายจะไม่นำของไปส่งด้วยตัวเอง แต่ AI Bot จะส่งพิกัด GPS พร้อมภาพถ่ายจุดซ่อนของตามที่สาธารณะต่างๆ ทั่วประเทศ มาให้ลูกค้าเดินทางไปขุด หรือ หยิบ สินค้าด้วยตนเอง
นอกจากนี้ ยังมีการวางระบบขยายเครือข่ายคล้ายธุรกิจ Startup โดยชักชวนลูกค้าให้ผันตัวเป็นผู้ร่วมธุรกิจ หรือ นักบิน (คนนำยาไปฝัง) เพื่อแลกกับส่วนลดและค่าคอมมิชชั่น ทำให้เครือข่ายขยายตัวได้อย่างรวดเร็วและยากต่อการสืบสวนแบบดั้งเดิม
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปรับกลยุทธ์ใช้เทคโนโลยี AI เข้าสืบสวนย้อนรอย หรือ เกลือจิ้มเกลือ ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ จนสามารถระบุตัวตนและพิกัดของคนร้ายได้ นำไปสู่การบุกจับกุมตัวการสำคัญชาวรัสเซีย 2 ราย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้แก่:
1. มาร์ค มาโอปูโร (Mr. Mark Maolopuro) อายุ 35 ปี จับกุมได้ขณะเตรียมตระเวนฝังยาเสพติดในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี และขยายผลค้นคอนโดมิเนียมย่านเอกมัย พบรถตู้และผลิตภัณฑ์กัญชาแปรรูปจำนวนมาก
2. ไอวาน วอลนอพ (Mr. Ivan Volnov) อายุ 34 ปี มือแปะสติกเกอร์ จับกุมได้ที่โรงแรมย่านอินทามระ กรุงเทพฯ
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยไอวานอ้างว่าบุคคลในภาพวงจรปิดเพียงแค่หน้าคล้ายตน ส่วนมาร์คอ้างว่าใช้กัญชาเพื่อการรักษาโรค และอุปกรณ์ต่างๆ ที่พบในรถตู้ เช่น หม้อหุงข้าว มีไว้เพื่อหุงข้าวญี่ปุ่นรับประทานเอง ไม่ได้ใช้ผลิตยาเสพติด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานทางดิจิทัลที่ตรวจยึดได้จากอุปกรณ์สื่อสาร
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ระบุว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ก่อนที่อาชญากรรมรูปแบบใหม่นี้จะขยายวงกว้างจนยากแก่การควบคุม โดยทางเจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินดิจิทัลและกวาดล้างเครือข่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมฝากเตือนประชาชน หากพบเห็นสติกเกอร์ต้องสงสัยลักษณะดังกล่าว ห้ามสแกนและให้แจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทันที


