จากกรณีสำนักข่าว The Telegraph ของประเทศอังกฤษ และเพจเฟซบุ๊ก ได้เผยแพร่ข่าวที่ระบุว่า “เบลลา (Bella) ชาวต่างชาติผู้ต้องหาคดีลักลอบขนยาเสพติดที่ถูกจับกุมในประเทศจอร์เจีย ได้กล่าวอ้างต่อศาลว่าตนถูกบังคับให้ ขนยา จากประเทศไทย ผ่านดูไบ ไปยังจอร์เจีย และเจ้าหน้าที่ ตม. ขาออกของไทยไม่ได้ให้ความสนใจเมื่อเธอพยายามแจ้งเรื่องหนังสือเดินทาง นอกจากนี้ยังมีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับให้ขนยาเสพติดออกนอกประเทศนั้น”
วันนี้ (2 กรกฎาคม) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (ผบก.ตม.2) ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงโดยระบุว่า ได้สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวทันทีจากการตรวจสอบพบว่า เบลลา ผู้ต้องหาชาวอังกฤษรายนี้ ได้เดินทางออกนอกประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เวลา 07.00 น. ด้วยสายการบิน Air Arabia เที่ยวบิน G9822 จากสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าสู่เมืองชาร์จาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเครื่องออกเวลา 08.55 น.
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดขณะที่ผู้ต้องหาเดินทางผ่านช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (ABC) พบว่า ผู้ต้องหาเดินผ่านช่องตรวจไปโดยปกติ ไม่มีการขอความช่วยเหลือใดๆ จากเจ้าหน้าที่ และไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ ตม. หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใดบังคับข่มขู่ให้ผู้ต้องหาขนยาเสพติดออกนอกประเทศแต่อย่างใด
“เชื่อว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงการกล่าวอ้างของผู้ต้องหา เพื่อบรรเทาโทษเท่านั้น” พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าวพร้อมยืนยันว่า ตม.สนามบินให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการสกัดกั้นผู้กระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ทั้งขาเข้าและขาออกระหว่างประเทศ
ที่ผ่านมา ตม.2 ได้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด ทั้งกรมศุลกากรและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ตม.ขาออก ได้ให้การสนับสนุนการจับกุมคดียาเสพติดร่วมกับศุลกากรขาออกแล้วนับ 10 ราย
อย่างไรก็ตาม ทาง บก.ตม.2 จะดำเนินการจัดทำบันทึกลงระบบ ตม. ให้ผู้ต้องหารายดังกล่าวเข้าข่ายเป็นบุคคลต้องห้าม เนื่องจากมีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าเข้ามาเพื่อการค้ายาเสพติดให้โทษ ตามมาตรา 12(8) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ต่อไป