วันนี้ (16 พฤษภาคม) พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดี สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ผู้ต้องหาในคดีไซยาไนด์ ว่าวันนี้ได้แจ้งข้อหากับ พ.ต.ท. วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีของแอม ในข้อหา ‘ร่วมกันทำลายพยานหลักฐาน’ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 หลังจากที่ตำรวจชุดสืบสวนพบพยานหลักฐานเชื่อว่า พ.ต.ท. วิฑูรย์ เป็นผู้ก่อเหตุ
โดยข้อหาที่ถูกแจ้งเพิ่มนั้นเป็นคดีของก้อย หนึ่งในผู้เสียชีวิต ที่เกิดเหตุในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ที่พบว่า พ.ต.ท. วิฑูรย์ นำกระเป๋าของก้อยไปซ่อนไว้ ก่อนสุดท้ายจะพบว่าถูกส่งไปที่แก้วในจังหวัดเพชรบุรี
ซึ่งผู้ต้องหาเป็นตำรวจรับรู้อยู่แล้วว่าของที่ได้มาเป็นของกลางในคดี แต่กลับไม่นำไปมอบให้กับพนักงานสอบสวน แต่กลับนำไปให้บุคคลอื่น ซึ่งจากการแจ้งข้อหาในวันนี้ พ.ต.ท. วิฑูรย์ยังให้การปฏิเสธ
ส่วนตัวกรณีที่มีบุคคลอื่นเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง 4-5 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำในฐานะพยาน ส่วนสำนวนการสอบสวนสืบสวนภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถวางไทม์ไลน์เหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อเตรียมสรุปสำนวนได้ ทั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 14 คดี และข้อหาพยายามฆ่าอีก 1 คดี ซึ่งพบว่าแผนประทุษกรรมเหมือนกันทั้งหมด รวมถึงที่มาของแต่ละคดีว่ามีความเชื่อมโยงกันอย่างไร ส่งให้อัยการพิจารณาการสั่งฟ้องในชั้นศาลต่อไป
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าวต่ออีกว่า ส่วนการสอบปากคำแม่ของแอม รวมถึงน้องสะใภ้แอม ที่ถูกใช้ให้ไปส่งกระเป๋าโดยไม่ทราบว่าของภายในวัสดุคืออะไร พบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
