วันนี้ (24 ตุลาคม) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เร่งสืบสวนขยายผลจับกุมทั้งขบวนการ ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับกรณีการทลายฐานลับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนกลางกรุงเทพฯ
การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (23 ตุลาคม) เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 และเจ้าหน้าที่ กสทช. ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในซอยลาดพร้าว 3 แยก 6 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ซึ่งพบว่าเป็นฐานลับที่ใช้หลอกลวงเอาเงินจากชาวต่างชาติ โดยพบการตั้งค่า IP ปลอม (Fake IP) และลักษณะการทำงานของคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง (scam)
เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบการยิงโฆษณาผ่านโทรศัพท์มือถือ แอบอ้างเป็นสำนักงานกฎหมายหรือทนายความ เพื่อล่อลวงเหยื่อชาวต่างชาติในทวีปยุโรปว่าจะช่วยทวงเงินคืน ก่อนจะหลอกเอาทรัพย์ซ้ำอีกครั้ง โดยจากการสืบสวนเบื้องต้นยังไม่พบผู้เสียหายเป็นคนไทย
ผลการปฏิบัติการ สามารถจับกุมชาวจีนได้ 3 ราย คือ จาง ไห่หลง (38 ปี), หลิว ชุนหยิง (29 ปี) และ อู่ จื้อเฉียง (32 ปี) พร้อมของกลางจำนวนมาก อาทิ เครื่อง SIMBOX / GSM Gateway สำหรับใส่ซิมโทรศัพท์ 20 ช่อง จำนวน 4 เครื่อง, คอมพิวเตอร์/โน้ตบุ๊ค 10 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 40 เครื่อง รวมถึงเครื่องกระจายสัญญาณและอุปกรณ์อื่น ๆ
โดยทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 และถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ผบ.ตร.ยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยยกระดับมาตรการปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อดำเนินการกับชาวต่างชาติที่เข้ามากระทำผิดในไทย โดยเฉพาะแก๊งสแกมเมอร์ โดยมีคำสั่งสำคัญให้
1. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตรวจสอบและคัดแยกข้อมูลคนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรที่มีลักษณะผิดสังเกตและเข้าออกประเทศบ่อยครั้ง โดยแยกเป็นกลุ่มประเทศและสถิติการเข้าออกอย่างละเอียด
2. ทีมสืบสวน บช.น. และตำรวจภูธรภาค 1, 2, 7 ประสานกับ สตม. บูรณาการร่วมกับกองการต่างประเทศ, กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เป็นศูนย์กลาง (Center) ในการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวอย่างเข้มข้นในรูปแบบ Realtime
3. ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป เพื่อประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากพลเมืองดี หากพบเห็นความผิดปกติในการพักอาศัยรวมตัวของชาวต่างชาติที่น่าสงสัยในหมู่บ้าน/อพาร์ทเม้นท์/คอนโด/ห้องเช่า หรือมีข้อมูลของกลุ่มมิจฉาชีพ Scammer
พล.ต.ต.ธีรเดช ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 และเจ้าหน้าที่ กสทช. ในการปฏิบัติการครั้งนี้ พร้อมขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด หากพบเห็นชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมผิดแผกไปจากนักท่องเที่ยว หรือมีพิรุธน่าสงสัย สามารถแจ้งเบาะแสเข้ามาได้ที่ สายด่วน 191 ตลอด 24 ชั่วโมง
