วันนี้ (11 ธันวาคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณี ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ การเดินหน้าแฉกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายว่า ชูวิทย์อาจจะมีการเข้าใจผิดในหลายเรื่องที่อาจจะทำให้ไม่มั่นใจในตำรวจขึ้นมา เริ่มต้นคดีผับจินหลิง เกิดจาก พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ต้องให้เครดิตท่าน เนื่องจากมีการสืบทางลึกมาและได้ใช้กำลังที่ไม่เกี่ยวกับท้องที่ เพื่อไม่ให้มีการข่าวรั่ว โดยได้เข้าไปดำเนินการเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนมาก
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ชูวิทย์บอกว่าตรวจปัสสาวะเหลือ 6 คน ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เข้าใจกันผิด ทั้งนี้ได้มีการตรวจสารเสพติดเบื้องต้นเป็นผลบวก 104 คน ซึ่งได้ส่งทั้งหมดไปที่โรงพยาบาลธัญลักษณ์ เพื่อตรวจยืนยันผล เพราะตามกฎหมายต้องยืนยันผล ทางโรงพยาบาลได้ยืนยันผลมา 77 ราย รับสารภาพ 66 ราย ก็ได้ส่งฟ้องศาล ปฏิเสธ 11 ราย โดยมี 1 รายได้ประกันตัวและหลบหนี 1 ราย ซึ่งทั้งหมด 76 รายอยู่ระหว่างการควบคุมตัวของทางการ
ส่วนใหญ่ที่เป็นคนจีนต้องรอส่งกลับเมื่อคดีเสร็จสิ้น เป็นความคืบหน้าว่าได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งทางผู้บัญชาการก็รู้รายละเอียดดีจึงเป็นสาเหตุให้ผมได้แต่งตั้งทันทีที่คดีเกิดขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ทาง พล.ต.ต. นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ไปร่วมในที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งท่านก็พึ่งมาใหม่ได้เพียงไม่กี่วัน ก็ได้แต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวน โดยให้รองผู้บังคับการที่ดูแลด้านสืบสวนสอบสวนนครบาล 6 เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ทาง ผบก.น.6 ไม่ได้ให้สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ยานนาวาทำโดยลำพัง
ต่อมาตนเห็นว่าคดีนี้เป็นที่น่าสนใจและเป็นคดีที่อาจจะมีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับคดีต่างๆ จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานโดยมี ผบช.น. เป็นหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนสอบสวน โดยผมได้เซ็นคำสั่งเอง นอกจากนั้นได้มอบหมายให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้ากำกับดูแลงานสืบสวนสอบสวนด้วย ซึ่งท่านสามารถมีอำนาจเต็มแทนตนได้อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ชูวิทย์ไปพูดแล้วทำให้คนอื่นเข้าใจคลาดเคลื่อน ตนจะมากำกับดูแลใกล้ชิดด้วยตนเอง เพื่อจะได้ตัดปัญหาความคลางแคลงใจในเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งตนก็มั่นใจว่าคดีนี้ไม่ใช่เป็นคดีมวยล้มต้มคนดู
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวอีกว่า ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้รายงานความคืบหน้ากับตนเป็นระยะๆ เบื้องต้นอย่างที่ทุกท่านทราบว่าคดีนี้ สามารถจับกุมขยายจากคดีเสพมาเป็นคดีครอบครองได้หลายคน ต่อมาได้ดำเนินคดีผู้ต้องหาที่เปิดสถานบริการด้วย จากนั้นได้ขยายผลต่อจนเป็นคดีสมคบเรื่องยาเสพติด ออกหมายจับและอยู่ในความควบคุมตัวของตำรวจ 9 ราย รวมตู้ห่าว ซึ่งพยานหลักฐานในตอนนี้เป็นเจ้าของกิจการ ทุกคนยังอยู่ในเรือนจำอยู่ ศาลได้พิจารณาหลักฐานของตำรวจโดยทาง ผบช.น. ไปขออนุมัติหมายจับ ซึ่งศาลก็ได้อนุมัติ เป็นผลการปฏิบัติเบื้องต้นที่มั่นใจได้
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวด้วยว่า หากถามว่าทำไมยังไม่ดำเนินคดีฟอกเงินต้องชี้แจงว่าคดียาเสพติด เจ้าพนักงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) สามารถยึดและอายัดทรัพย์สินได้ครอบคลุมอยู่แล้วตามประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ซึ่งสะดวก รวดเร็ว ครอบคลุม เมื่อยึดอายัดทรัพย์สินแล้ว ภาระการพิสูจน์ทรัพย์สินของตู้ห่าวทั้งหมด ตู้ห่าวจะต้องมาแสดงว่าได้ทรัพย์สินมาได้อย่างไร ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร ส่วนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ไม่ได้ทิ้ง ก็จะตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินที่ถ่ายทอดไปยังบุคคลอื่นอย่างไร โดยได้ทำงานคู่ขนานกันไป พร้อมเชิญเจ้าหน้าที่ ปปง. มาร่วมตรวจสอบด้วย ทั้งนี้กรณีที่มีผู้จัดหาผลประโยชน์ รับเงิน โอนเงิน หรือฟอกเงิน ไม่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เรามีการแจ้งแน่นอน แต่จะใช้กฎหมาย เน้นปราบปราม ตัดวงจร ซึ่งขอระยะเวลาในการรวบรวม
ส่วนทำไมถึงไม่ใช่คดีนอกราชอาณาจักรและอัยการสูงสุดยังไม่เข้ามาควบคุมการสอบสวน พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวว่า คดีนี้จากพยานหลักฐานยังเป็นคดีในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นคดีที่ตำรวจต้องเป็นผู้ดำเนินการแต่เราไม่ได้ละเลยความสำคัญของท่านอัยการ เพราะเป็นคดีสำคัญ เป็นคดีที่จะทำอย่างตรงไปตรงมาที่สุด เราได้ขอความร่วมมือไปทางสำนักงานอัยการคดียาเสพติดเป็นการประสานงานให้ส่วนราชการ ต้องหารืออยู่แล้ว เพราะต้องส่งสำนวนคดี ทั้งหมดให้พนักงานอัยการพิจารณาดำเนินคดี ทั้งหมดเป็นความคืบหน้าซึ่งจริงๆ แล้วคดียาเสพติดทั้งหมด หรือคดีที่เกี่ยวข้องต่างๆ เป็นไปตามนโยบายที่ผมได้มีนโยบายตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 แล้ว
ทั้งเรื่องยาเสพติดต่างๆ ไม่ใช่จะดูที่รายนี้เพียงรายเดียวจะดูทุกมิติ ในการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ทางนายกรัฐมนตรีได้กำชับคดีจินหลิง ทุนจีน ให้ทำงานตรงไปตรงมา และให้นำเหตุการณ์ที่หนองบัวลำภูเป็นจุดที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาป้องกันปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ เพื่อให้ชาวบ้านในทุกพื้นที่เกิดความสบายใจมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งตำรวจได้ร่วมมือกับฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และฝ่ายท้องถิ่น ได้ทำหนองบัวลำภูโมเดล โดยทำไปพร้อมๆ กันทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ซึ่งเดือนหน้าจะสำรวจความพึงพอใจของประชาชนจำนวน 1 ล้านกลุ่มตัวอย่าง เพื่อให้เห็นภาพว่า ขณะนี้ชาวบ้านมองปัญหายาเสพติดว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐแก้ไขปัญหาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“เราทำอย่างตรงไปตรงมา ผมขอยืนยันให้มั่นใจได้ และขอบอกชูวิทย์ว่า ถ้าท่านต้องการที่จะให้ข้อมูล ผมยินดี ท่านจะนำมาให้ผมโดยตรง หรือจะไปคุยหารือกับ ผบช.น. ก็ได้ ถ้าท่านสบายใจ หรือจะรอง ผบ.ตร. ทั้ง 2 ท่านคือ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ก็ได้ แต่ผมยินดีท่านติดต่อผมได้โดยตรงได้ ผมยินดีจะรับข้อมูล ตอนนี้ผมก็ดูแลอย่างใกล้ชิด” พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวยืนยัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระบวนการแจ้งข้อหาฟอกเงินจะล่าช้าหรือไม่ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้เริ่มต้นจากคดีเสพ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 โดยได้ขอออกหมายจับช่วงประมาณวันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2565 ใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์ ในเรื่องนี้ยังต้องพิจารณาเรื่องเส้นทางการเงินและอะไรต่างๆ อีกเยอะรวมถึงการสอบพยานเพิ่มเติม ซึ่งได้มีการสอบพยานไปจำนวนมากแล้ว ตนเรียนตรงๆ ว่า ผบช.น. ท่านนี้มีบุคลิกเงียบ ท่านอาจจะไม่ชอบให้ข่าว แต่ตนได้สั่งการแล้วว่าต่อไปขอให้รายงานความคืบหน้าทางคดีให้กับสื่อมวลชนได้รับทราบผ่านไปยังพี่น้องประชาชนให้มีความคืบหน้าเป็นระยะๆ เพื่อจะได้ให้เกิดความสบายใจว่า ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา และมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
ประเด็นใดที่มีความสงสัยฝากแนะนำมาก็จะไปสอบปากคำให้ครบจนเสร็จสิ้นกระบวนข้อสงสัยต่างๆ จริงๆ แล้วตำรวจพยายามทำอย่างเต็มที่ ตนเองในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ต้องดูในภาพรวม ตนไม่ได้มีเพียงคดีเดียว ตอนนี้ได้โฟกัสไปที่ภาพรวมของการแก้ไขปัญหายาเสพติดในมิติของการป้องกันปราบปรามและบำบัดที่จะเข้าไปดูแลในภาพรวมของแต่ละชุมชน และอยู่ระหว่างร่วมกับอัยการแก้ปัญหาเรื่องปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ ซึ่งทุกคนคงทราบว่าตัวการใหญ่ ส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ เราก็แก้ไป ส่วนในประเทศอยู่ระหว่างการร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ เพื่อเข้าสู่คณะรัฐมนตรี ให้ได้โดยเร็วตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขปัญหาบัญชีม้า ซิมม้า เพื่อทำให้การโอนเงินที่อาจจะถูกหลอกลวงจากคนร้ายทำได้ยากขึ้น
รวมถึงมีการยกระดับการทำงานของตำรวจในการบริการบนสถานีตำรวจและนอกสถานีตำรวจ ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ ทั้งนี้มีการดำเนินการในหลายเรื่อง รวมถึงคดีนี้ ไม่ใช่ไม่ให้ความสำคัญ ทาง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และ ผบช.น. ได้รายงานความคืบหน้ากับตนมาโดยตลอด แต่ต่อไปนี้เพื่อความสบายใจ ตนเข้ามากำกับดูแลให้ใกล้ชิด และหากมีข่าวก็อาจจะพูดเองหรือมอบให้คนอื่นพูดบ้าง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ชูวิทย์ ได้ตั้งคำถามถึง ผบ.ตร. ว่าเกรงกลัวอิทธิพลของตู้ห่าวหรือไม่ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ตนเห็นทางชูวิทย์ไว้ใจ รองผบ.ตร. ทั้ง 2 ท่าน ตนก็คิดว่าเพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้ชูวิทย์ต้องการให้ตนลงมา ตนก็จะลงมาเพื่อให้เกิดความสบายใจ จริงๆ ตนก็ดูอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้รายงานความคืบหน้าเป็นระยะๆ โดยที่ไม่ได้เป็นข่าว แต่ตอนนี้ก็อาจจะต้องออกข่าวบ้าง ซึ่งจะเน้นย้ำให้ ผบช.น. ให้ข่าวเป็นระยะๆ ตามความคืบหน้า ส่วนตัวมั่นใจคดีและหลักฐาน ไม่มีมวยล้มต้มคนดูอย่างแน่นอน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ชูวิทย์ระบุว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ไม่มีอำนาจ เปรียบเหมือนยักษ์ไม่มีกระบองนั้น พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงตามที่ชูวิทย์เข้าใจ ทุกคดีที่ทำคดีทั่วประเทศ รอง ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวนทำแทน ผบ.ตร. ได้อยู่แล้ว รอง ผบ.ตร. ทุกท่านตนมอบอำนาจไปแล้ว ท่านทำได้อยู่แล้วทุกคดี คดีนี้ถือเป็นคดีแรกด้วยซ้ำของกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ตนยกระดับให้ ผบช.น. เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า ปกติในคดีสำคัญใหญ่ๆ จะเป็นแค่รองผู้การ หรือรองผู้บัญชาการ ซึ่งผมมองว่า ผบช.น. ทราบปัญหาตั้งแต่ต้น ได้เข้าไปตรวจค้นจับกุมด้วยตนเอง ท่านรู้มากที่สุด ท่านแสดงให้เห็นแล้วว่าทราบข้อมูลเชิงลึกจึงไปจับกุมโดยที่ไม่บอกท้องที่ ท่านไม่มั่นใจใคร ท่านไปทำเอง เพราะฉะนั้นตน จึงต้องให้ความไว้วางใจ ผบช.น. อย่างไรก็ตามเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับสั่งการมาให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา และรอบคอบ รวดเร็ว ซึ่งคงไม่มีอิทธิพลใดๆ ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวได้อยู่แล้ว ตนขอยืนยัน