เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เกิดเหตุหมีขั้วโลกทำร้ายหญิงสาวและเด็กชายจนเสียชีวิตในรัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (17 มกราคม) ก่อนชาวบ้านจะตัดสินใจยิงปลิดชีพหมีตัวนี้
หน่วยงานด้านความปลอดภัยสาธารณะของอะแลสการะบุว่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. ของวันที่ 17 มกราคมตามเวลาท้องถิ่น โดยหมีขั้วโลกได้ออกอาละวาดในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เมืองเวลส์ ก่อนที่จะเข้าทำร้ายผู้หญิงและเด็กชาย ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นตัดสินใจยิงมันเพื่อไม่ให้ไปทำร้ายคนอื่นอีก อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระบุว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดตัวตนของผู้เสียชีวิตทั้งสองสู่สาธารณะได้ เนื่องจากทางการยังอยู่ในระหว่างการแจ้งข่าวให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตรับทราบ
รายงานเบื้องต้นเปิดเผยว่า หมีขั้วโลกตัวนี้ได้เข้ามาภายในพื้นที่ชุมชน และเคยมีประวัติไล่ล่าผู้อยู่อาศัยหลายราย โดยเหตุการณ์นี้กำลังอยู่ภายใต้การสืบสวน และอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่งเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกรมประมงและสัตว์ป่า รวมถึงกองกำลังทหาร จะเดินทางไปยังที่เกิดเหตุทันทีเมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย
หนังสือพิมพ์ Anchorage Daily News รายงานว่า เหตุการณ์ที่หมีขั้วโลกออกมาทำร้ายมนุษย์จนถึงแก่ความตายนั้น ถือเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากในอะแลสกายุคปัจจุบัน โดยเหตุการณ์ก่อนหน้าเกิดขึ้นในปี 1990 เมื่อมีหมีขั้วโลกได้คร่าชีวิตชายคนหนึ่งในทางตอนเหนือของเมืองเวลส์ บริเวณชุมชนพอยต์เลย์
ทั้งนี้ นักชีววิทยาได้ออกมาอธิบายเพิ่มเติมภายหลังว่า การที่สัตว์ออกมาเพ่นพ่านในชุมชนของมนุษย์อาจเป็นสัญญาณที่แสดงว่าพวกมันกำลังอดอยาก
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาในปี 2017 บ่งชี้ว่า เคสที่หมีขั้วโลกโจมตีมนุษย์มีจำนวนเพิ่มขึ้นในศตวรรษนี้ และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่น้ำแข็งในทะเลปกคลุมพื้นดินค่อนข้างน้อย หรือในช่วงราวเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม เพราะเมื่อพื้นที่น้ำแข็งลดลง ก็มีโอกาสที่หมีขั้วโลกจะเข้ามาเยือนพื้นดินที่เป็นชุมชนของมนุษย์มากขึ้น
นอกจากนี้ ภาวะโลกร้อนก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผลักดันให้มนุษย์มีโอกาสเผชิญหน้ากับหมีขั้วโลกมากขึ้นด้วย เพราะเมื่อน้ำแข็งในทะเลละลายตัวจนลดระดับลง ทำให้เหล่าหมีขั้วโลกจำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมในการล่าอาหารเข้ามาอาศัยบนพื้นดิน และกินขอบเขตเข้ามาในพื้นที่ของมนุษย์ในที่สุด
แฟ้มภาพ: Getty Images
อ้างอิง: