รู้ไหมว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันนั้นไม่ใช่ตัวเลือกแรกของณัฐศักฯ… รู้ไหมว่าแรงบันดาลใจในการสร้างซิกซ์แพ็กของณัฐศักฯ คืออะไร…แล้วรู้ไหมว่า แฟนคลับของณัฐศักฯ น่ารักแค่ไหน…
00:10
สวัสดีค่ะ โบสาวิตรีนะคะ This is WE NEED TO TALK Podcast พอดแคสต์ทอล์กโชว์ภาษาอังกฤษ สำหรับคนไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษค่ะ
Hi, you guys. Welcome to our show! Thank you so much for listening.
ตามธรรมเนียมของ WE NEED TO TALK โบจะชวนเกสต์ของเราคุย 3 ประเด็น ถ้าเป็นพี่นัท โบว่า เรื่องที่ต้องชวนคุยอย่างแรง พลาดไม่ได้ เรื่องแรก ชีวิตในฮาร์วาร์ดหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่โด่งดังที่สุดในโลก อยากรู้มากๆ ว่าจะมีแต่เด็กเนิร์ดๆ หรือเปล่า เดี๋ยวมาฟังกันค่ะ
สอง คุณผู้ฟังได้ติดตามไอจีพี่นัทไหมคะ อื้อหือ แซ่บเวอร์ โบไม่แน่ใจว่ามันเป็น 6-pack หรือว่ามากกว่านั้น นับไปนับมาอาจจะซัก 8 หรือ 10 ศิลปินหนุ่มคนนี้ดูแลตัวเองยังไง เดี๋ยวโบจะถามให้นะคะ
และสาม เราต้องคุยเรื่องแฟนคลับของพี่นัทค่ะ ทำไมน่ะเหรอ จะบอกว่า โบเจอมาด้วยตัวเอง แฟนคลับพี่นัทนี่ อาหารการกินสมบูรณ์มาก อร่อยๆ ทั้งนั้น ตัวโบและพี่ๆ น้องๆ ที่ AF นี่ได้อานิสงส์ไปด้วยตลอด คือพวกเขาน่ารักกันจริงๆ และติดตามพี่นัทด้วยความรักและจริงใจจริงๆ เดี๋ยวรอฟังพี่นัทเล่าให้ฟังเองดีกว่าค่ะ
เอาละค่ะ ตอนนี้ได้เวลาเปลี่ยนโหมดเป็นภาษาอังกฤษกันแล้ว พร้อมหรือยังคะ
Ladies and gentlemen, it would be my pleasure to introduce our guest for the premiere episode of WE NEED TO TALK PODCAST. He’s the winner of AF4, a singer, an actor, a model, and honestly, one of the most charming and intelligent guys I’ve known.
ณัฐ ศักดาทร
02:41
- ตอนจะต่อมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดเป็นตัวเลือกแรกหรือเปล่าคะ
สมัยก่อนไม่รู้จักเลยว่าฮาร์วาร์ดคืออะไร พี่เป็นแค่เด็กเชียงใหม่คนหนึ่ง และทุกอย่างก็เริ่มต้นตรงที่ ญาติพี่ไปเรียนเมืองนอก จำได้ว่าที่อังกฤษมั้ง แล้วเขากลับมาในลุคแบบ ไว้ผมยาวหล่อเหลามาก กลับมามองตัวเรา เป็นเด็กนักเรียนหัวเกรียนคนหนึ่ง นั่นแหละครับ เลยอยากไปบ้าง เพราะอยากหล่อบ้าง เลยขอพ่อแม่ไปเรียนต่ออเมริกา อยากให้ภาษาดีขึ้น แต่ที่จริงก็แค่อยากหล่อ จบ
ก็เลยได้ไปเรียน high school ที่อเมริกา แล้วพอใกล้จบ น่าจะสักเกรด 11 ก็เริ่มได้ยินชื่อฮาร์วาร์ด พร้อมกับ Ivy leagues ซึ่งคือมหาวิทยาลัยแนวหน้าของสหรัฐ ที่สุดแล้วก็สมัคร ฮาร์วาร์ด บราวน์ โคลัมเบีย ยูเพนน์ (มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย) และสแตนฟอร์ด ผลออกมาคือติด 3 ที่ ฮาร์วาร์ด บราวน์ และโคลัมเบีย ที่จริงอยากได้สแตนฟอร์ดนะครับ เพราะตอนนั้นอยู่นิวเจอร์ซีย์ เลยอยากเปลี่ยนไปอยู่ฝั่งตะวันตกที่อากาศดีกว่าบ้าง แต่ไม่ได้ มาได้ฮาร์วาร์ดแทน
สรุปว่า ฮาร์วาร์ดไม่ใช่ตัวเลือกแรกก็จริง แต่ผมดีใจมากนะที่ตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่
05:21
“In the end I think things always happen the way they’re supposed to happen. In the end I was really glad I didn’t get accepted to Stanford because I really appreciated my experience at Harvard…”
- ฮาร์วาร์ดเป็นอย่างที่คิดไว้ไหม
ก่อนนี้ยอมรับเหมือนกันนะครับว่าเรามีภาพบางอย่างของฮาร์วาร์ดที่เกิดจากสิ่งที่เราได้ยินมา เช่น เด็กฮาร์วาร์ดนี่หัวสูง หรือหยิ่ง แต่พอได้เข้าไปแล้ว มันคนละเรื่องกับที่เราคิดไว้เลย เราเจอแต่คนดีๆ เป็นมิตร และที่ดีมากๆ อีกอย่างคือสังคมที่นั่นหลากหลายมาก เพราะเป็นที่รวมคนจากทั่วโลกจริงๆ แต่ละคนก็หัวกะทิทั้งนั้น คือเก่งในที่เรื่องที่ตัวเองถนัดมากๆ บางทีเราจะเจอคนประเภทที่ถูกเรียกว่า ‘jock’ ซึ่งตามสเตริโอไทป์คือเป็นนักกีฬาที่ดีแต่หล่อล่ำ แต่ไม่ฉลาด แต่นี่คือเป็น jock ประเภทที่เก่งเปียโนในระดับลงแข่งขัน เป็นต้น
- อะไรเป็นประสบการณ์น่าสนใจที่สุดที่ฮาร์วาร์ด
คือการที่ได้เรียนรู้ว่า เราไม่สามารถตัดสินใครได้แค่จากภาพที่เราเห็นจริงๆ คนที่ฮาร์วาร์ดจะทำให้คุณประหลาดใจได้เสมอ และผมว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนอกฮาร์วาร์ดก็ไม่ต่างกันนะ เราไม่สามารถตัดสินใครได้เลยจนกว่าเราจะได้ทำความรู้จักเขาจริงๆ
07:13
“The most interesting experience at Harvard for me is that, meeting all these people and realizing that you can’t just look at somebody and stereotype them… like, he’s a jock or he’s a nerd. At Harvard people surprise you all the time. And I think that’s the same with the real world. You go out. You meet people. And you can’t just assume that they’re this certain type until you really get to know them…”
08:00
- วินาทีที่ได้รับจดหมายตอบรับจากฮาร์วาร์ด รู้สึกอย่างไร
ช่วงที่รอผมนี่คือไปเช็กเมลบ็อกซ์ที่โรงเรียนทุกวัน แล้ววันหนึ่งจดหมายจากฮาร์วาร์ดก็มาถึง แต่ด้วยความที่ซองมันมาบางๆ หรืออย่างน้อยคือไม่หนา เราเลยคิดว่าเราไม่ได้แหง เพราะถ้าเป็นจดหมายปฏิเสธมันจะบางแบบนี้แหละ ในขณะที่ถ้าเป็นจดหมายตอบเรา เขาจะส่งพวกข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนหรืออะไรต่างๆ มาด้วย ซองมันจะหนามาเลย แต่ปรากพอเปิดออกมาก็เจอข้อความว่า “Congratulations! You got accepted to Harvard.” ผมก็ “Yesss!” รู้สึกเหมือนถูกเลือกเข้าชั้นเรียนของซูเปอร์ฮีโร่ รู้สึกไฮโซขึ้นมาทันที
- เล่าเรื่องเพื่อนสนิทให้ฟังหน่อย
เพื่อนสนิทก็เป็นคนเอเชียด้วยกัน หรือไม่ก็คนอเมริกันเชื้อสายเอเชียนี่แหละครับ ซึ่งดีนะ มี mindset เหมือนกัน มีทัศนคติเรื่องครอบครัวคล้ายกัน แล้วก็จะเข้าใจว่าทำไมเข้าห้องต้องถอดรองเท้า อะไรเงี้ย ไม่ต้องอธิบายกันยาว ส่วนเพื่อนที่ไม่ใช่เอเชียก็จะเป็นคนใน acapella group เดียวกัน (Harvard Opportunes) นั่นเป็นประสบการณ์ที่ทั้งสำคัญและสนุกมาก นอกจากร้องเพลงยังได้ฝึกฝนตัวเองหลายอย่าง เช่น ต้องโปรดิวซ์อัลบั้มของตัวเอง เวลามีงาน จัดคอนเสิร์ต ก็ออกไปแปะโปสเตอร์โปรโมตเองรอบโรงเรียน อะไรแบบนี้
เราช่วยเหลือกันในเรื่องต่างๆ เช่นเรื่องเลือกเมเจอร์ คือที่อเมริกาเราสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปก่อนแบบ undecided/undeclared ได้ แล้วค่อยไปเลือกเอกทีหลัง ตอนแรกผมเลือก Applied Math แต่เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ และชีวิตจริงคงไม่ได้ใช้ พอหันไปปรึกษาเพื่อนก็พบว่า ส่วนใหญ่เรียน Economics เริ่มสนใจ จนในที่สุดก็เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ตามเพื่อน
- ความยากเย็นหรืออุปสรรคที่เจอในช่วงแรก มีอะไรอีกบ้าง
ไม่ค่อยมีนะครับ สบายๆ ไม่เครียดอะไร ซึ่งน่าแปลกใจเหมือนกันว่า มันไม่มีความกดดันประเภทที่ว่า ต้องได้คะแนนดีๆ และดีกว่าคนอื่นด้วยนะ อะไรอย่างนั้น แต่คงเพราะความคิดว่า ที่ฮาร์วาร์ดทุกคนเก่งและฉลาดหมดอยู่แล้ว ต่อให้เราได้เกรดอะไรมา เราก็ยังคงถือว่าเก่งและฉลาดอยู่แหละ
ฮาร์วาร์ดมีระบบ study group ทุกคนจะช่วยกัน แบ่งบทไปสรุปกันมา แล้วเอามาแชร์มาติวกัน แบบนี้จะทำให้การเรียนง่ายขึ้นเยอะเลย
14:49
- อาจารย์ล่ะคะ มีใครน่าประทับใจบ้างไหม
จำชื่อเขาไม่ได้แล้วล่ะ แต่เป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์จีนคนหนึ่ง เมื่อก่อนเราเกลียดวิชาประวัติศาสตร์ แต่อาจารย์คนนี้ passionate กับวิชาที่สอนมาก และสอนสนุก สอนจนเราอยากรู้มากขึ้น เลยได้บทเรียนมาจากอาจารย์ท่านนี้ว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ถ้าเราทำด้วยความรักและหลงใหลกับสิ่งนั้นจริงๆ คนจะหันมามอง และเราจะทำให้เขาสนใจในส่ิงที่เราสนใจได้
15:38
“No matter what you do, as long as you’re passionate about it, you’ll get people to look at you, and become interested in what you’re interested in as well”
- เพราะบางทีคนไทยจะไปเน้นตรงที่ว่า ให้ทำในสิ่งที่เงินดีที่สุดไว้ก่อน หรือถ้าจะเรียน ให้เลือกเรียนสิ่งที่จบมาแล้วได้งานแน่ๆ แต่โบเชื่อว่าถ้าเราเลือกในสิ่งที่เราชอบจริงๆ เราจะเก่ง แล้วเดี๋ยวเงินมันจะตามมาเอง
16:18
จำได้ว่าตอนปฐมนิเทศเขาจะแจกคู่มือมาเล่มหนึ่ง ในนั้นมีประโยคเขียนไว้ว่า “Follow your passion not your calculation.” ประทับใจมาก จำฝังใจ ก็ทำตามด้วยนะ เช่น ไปลงเรียนอะไรที่ไม่รู้หรอกว่าต่อไปจะได้ใช้หรือเปล่า แต่อยากรู้ก็ไปเรียน ภาษาญี่ปุ่น การแสดง ยังงี้
“Follow your passion not your calculation.”
- บทเรียนอะไรมีค่าที่สุดจากฮาร์วาร์ด
- มีเยอะเลย แต่ถ้าให้เลือก น่าจะเป็นความคิดที่ว่า การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และทุกช่วงของชีวิต ที่ฮาร์วาร์ดเขาไม่เชื่อกันว่า การเรียนรู้ที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นที่นี่เท่านั้น ถ้าไม่ได้มาฮาร์วาร์ดคือไม่เก่ง อะไรพวกนั้น ไม่เลย เขากลับบอกว่า การเรียนรู้เกิดได้ทุกที่ ทุกเวลา แม้ว่าจะจบออกไปจากฮาร์วาร์ดแล้ว ที่จริงคือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากจบออกไปจากฮาร์วาร์ดแล้วด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ควรหยุดที่จะเรียนรู้
17:27
“The learning could happen wherever you’re willing to learn. Even after Harvard, actually, especially after Harvard. So don’t cease the learning…”
17:50
- เราต้องคุยกันเรื่องรูปร่างอันสุดฮอต ซิกซ์แพคต่างๆ ที่พี่นัทโพสต์แจกความสดชื่นบนอินสตาแกรม อยากรู้ว่า นี่คือร่างเต็มหรือยัง เป็นเวอร์ชั่นสูงสุดหรือยัง หรือคิดว่าจะมีอะไรตรงไหนดีได้กว่านี้อีกคะ
ผมคิดว่าคนเราดีขึ้นได้อีกเสมอนะ ไม่ใช่แค่เรื่องรูปร่าง แต่ทุกแง่มุมของชีวิตแหละ ผมเองก็คิดว่าผมน่าจะพัฒนาได้อีก ถึงจะค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้แล้วก็ตาม เช่น อยากให้ขาใหญ่กว่านี้ ชอบมีสาวๆ มาทักว่า พี่ ขาพี่เล็กกว่าขาหนูอีก
19:20
“I think people can always get better, not only physically stuff but every aspect of life.”
เอาจริงๆ การดูแลรูปร่างอย่างที่ทำทุกวันนี้มันมาจากความไม่มั่นใจในหุ่นตัวเองมาก่อนนะ คือตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ไปชอบใครก็ผิดหวัง เลยรู้สึกอยากหล่อ เริ่มเปิดดู Men’s Health แล้วเข้ายิม เพาะกล้าม แล้วก็เริ่มจริงจังขึ้นตอนมาเป็นนักร้องนี่แหละครับ การรักษารูปร่างก็จะเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของงานไปแล้ว
และพอเข้าวงการ ก็เกิดความไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาอีกแล้ว เพราะคนอื่นเขาสูงร้อยแปดสิบกว่า เราแค่ร้อยเจ็ดสิบกว่า ก็เลย เอาล่ะ ถ้าหน้าเราจะหล่อไม่เท่าคนอื่น ส่วนสูงเราจะไม่เท่าคนอื่น ก็ขอหุ่นดีกว่าคนอื่นแล้วกัน จะได้ยังพอมีอะไรสู้เขาได้บ้าง
- ส่วนไหนยากกว่า ระหว่างการเพาะสร้างหุ่นแบบนี้ กับการที่จะมีวินัยในการลงมือทำมันจริงๆ
ยากทั้งสองส่วน โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้น เพราะคนไม่อดทนพอ พอไม่เห็นผลดั่งใจในเวลารวดเร็วก็ถอดใจแล้ว
ช่วงต้นเราต้องการความอดทน แต่ในระยะยาวเราต้องการวินัย
22:00
“Getting started is hard. People lose patience very easily because they don’t see the result as fast as they wanted to… In the beginning it requires a lot of patience, but then maintaining it requires a lot of discipline.”
- นิสัยในการกินของพี่ณัฐเป็นยังไง
ผมไม่กินอาหารคลีนนะ เป็นคนชอบกินมาก นั่นคือหนึ่งในความสุขสูงสุดของชีวิต ก็เลยจะพยายามออกกำลังกายให้มากขึ้น เพื่อที่จะกินได้มากขึ้น
ส่วนการออกกำลังกายทุกวันนี้คือ เข้ายิมสัปดาห์ละสามวัน และออกไปวิ่งสัปดาห์ละสองวันครับ
22:19
“I don’t do clean diets. I really enjoy eating. I think that’s one of my biggest happiness in life. So I just exercise more to eat more…”
- อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้วิ่งมาราธอน พี่ณัฐเป็นนักวิ่งมาโดยตลอดหรือเปล่า
ไม่เลย แต่ไหนแต่ไรมาคือจะห่วยเรื่องกีฬามาก สมัยเรียนไฮสคูลจะได้เป็นตัวสำรองตลอด และโค้ชก็อาจจะปล่อยให้ลงไปเล่นซักห้านาทีสุดท้าย ด้วยความสงสาร
จนมาทำงานในวงการ เทรนเนอร์แนะนำให้เราวิ่ง ในขณะเดียวกัน กระแสวิ่งก้เริ่มมา เริ่มเห็นคนถ่ายรูปวิ่งลงอินสตาแกรม อืม น่าสนใจแฮะ ก็เลยเริ่มลอง
อีเวนต์แรกจำได้ว่าเป็นมินิมาราธอน วันนั้นออกวิ่งตั้งแต่เช้ามืด ใส่หูฟังเพลงไปวิ่งไป มีจังหวะนึงที่พระอาทิตย์ขึ้น เสียงดนตรีไวโอลินดังขึ้นในหู ความคิดตอนนั้นคือ นี่เป็นโมเมนต์ที่เพอร์เฟกต์มากในชีวิต
อีกโมเมนต์หนึ่งที่ประทับใจยิ่งกว่า คือตอนเข้าเส้นชัย รู้สึกเหมือนเรากลายเป็นอีกคนหนึ่ง เราเอาชนะตัวเราคนเก่าได้สำเร็จ ความรู้สึกนี้มันดีมากนะ และมันก็เริ่มลามไปยังเรื่องอื่นๆ ในชีวิตด้วย ผมเริ่มมองทุกอย่างในชีวิตว่ามันคือความเป็นไปได้
24:06
“On that day, I remember so clearly, I was running at 6am in the morning. I had my music in my ears. There’s one moment when I was running and people running alongside me, and then I saw the sun rising, and there’s like a violin sound in my ears. And I was like, oh my god, this is such a perfect moment in life. And I feel like, if I didn’t come out running I wouldn’t have experienced this…
“And then there’s the other moment I liked more. That is when I entered the finish line. That was when you realized that you sort of overcome the old you. You’ve become a new version of yourself. It’s not completely new, but you’ve stepped beyond what you thought you could overcome.
“Then it got spread into other things in life as well, not just running. I started viewing everything as more possible than before.”
- อะไรคือคำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากออกกำลังกายให้แข็งแรงและมีรูปร่างที่ดี
ตั้งภารกิจให้ตัวเอง อันนี้สังเกตจากตัวเองนะครับ เมื่อไรที่เรามีเป้าหมาย เราจะมีแรงขับ เข่นเวลารู้ว่าต้องถ่ายแบบ ก็จะเข้ายิมอย่างบ้าคลั่ง เพราะเราก็ไม่อยากดูแย่ไง หรือรู้แล้วว่าเดี๋ยวต้องลงมาราธอน ก้ต้องเตรียมตัว เพราะเราไม่อยากวิ่งไปครึ่งทางแล้วทรุด ไม่รอด อะไรแบบนี้ การตั้งเป้าหมายจะทำให้เราออกแบบและวางแผนแต่ละย่างก้าวจนไปถึงเป้าที่ว่านั่นได้
25:19
“Set a mission for yourself. From my own observation, whenever I have a mission, I have more drive to do it. Like when I have a photo shoot coming up I’ll go to the gym madly because I don’t wanna look bad in that photo shoot. Or when I had a mini-marathon coming, I knew I had to be ready because I don’t wanna fall apart in the middle of the course. You know what you have to do by when. If you plan it out, you’ll see the steps towards that goal.”
27:11
- ตั้งแต่เป็นผู้ชนะเอเอฟ 4 เป็นต้นมา แฟนคลับพี่ณัฐมากมายก็ยังติดตามมาจนทุกวันนี้ ซึ่งโบขอพูดจากประสบการณ์ตรง โบรู้จักพี่ณัฐมาสิบปี โบเห็นกับตามาสิบปี แฟนคลับพี่นัทนี่สุดยอด อาหารที่เอามาฝากคืออร่อยเลิศ และพวกเขาสนับสนุนเราด้วยใจจริงๆ
ทุกสิ่งที่เราทำ มันจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่มีคนเหล่านี้คอยตามสนับสนุนเป็นกำลังใจ งานเราทำคนเดียวไม่ได้จริงๆ การร้องเพลงจะไม่มีความหมายเลยถ้าไม่มีผู้ชมผู้ฟัง
28:31
“Everything I’m doing now wouldn’t be possible without these people who are supporting me and always waiting for my new projects. This is not something you can do alone. Singing means nothing without the audience.”
แฟนๆ ชอบทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึง เช่น ช่วงปีใหม่ ผมไม่ได้เป็นคนประเภทออกเดินสายไหว้ผู้ใหญ่ แต่แฟนคลับเขาจะทำให้ คือส่งของไปสวัสดีปีใหม่ ในนามของเรา หรือเวลาไปเล่นคอนเสิร์ตต่างจังหวัด แฟนคลับเราจะพยายามไปยืนไกลๆ เพราะพวกเขาอยากให้คนอื่นๆ ท่ีปกติไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอได้ดูเรา ได้ใกล้ชิดเรามากขึ้น มันน่ารักมากเลยนะ คือเมื่อได้เห็นว่ามีคนมาชอบเรามากขึ้น เขาจะมีความสุข เหมือนเป็นความรักในแบบที่ครอบครัวของเรามีให้กับเรา
29:40
“When I go play concert in other provinces, they would actually stand faraway so people who don’t usually get to see me could be in the front and be close to me. I think that’s really cute. That’s really nice of them. It’s like everytime they see that more people come to like me, that’s what makes them happy…… It’s almost like a family. They’ve seen you grow over the years, and to have more people feel the way they feel about you, it’s almost fulfilling…”
ผมไม่ได้ดูแลแฟนๆ โดยการออกไปกินข้าวด้วย หรือคุยกันทางอีเมล อะไรพวกนั้น วิธีการของผมคือ ผมว่าผมคิดแแบบนักเศรษฐศาสตร์นะ ผมรู้สึกว่า เมื่อแฟนๆ เขาติดตามเรา นั่นคือเขาลงทุนกับเรา ด้วยความรู้สึกของเขา ผมเลยคิดว่าว่า งั้นเราต้องทำให้ความรู้สึกของเขางอกงาม เป็นผลตอบแทนทางอารมณ์ที่เขาสมควรได้รับกลับไป และหนทางที่ดีที่สุดคือ ผมต้องเก่งขึ้นเรื่อยๆ ทำผลงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ มันถึงจะคุ้มค่ากับการลงทุนของเขาที่อุตส่าห์ติดตาม
31:15
“I think like an economist. I feel like when the fan come to me it’s like they’re investing in me, with their feelings. So I feel like I have to grow and give some emotional profits back to them. And in order to do that I have to be better at what I’m doing. I feel that that’s the best way to give back what they’ve invested in me.”
- สิบปีที่ผ่านมานี้ พี่ณัฐเติบโตขึ้นแน่นอน แฟนๆ ก็คงเติบโตขึ้นด้วย เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวพวกเขาบ้างไหมคะ
บางคนก็จากไปนะครับ เมื่อไม่ได้ความใกล้ชิดบางอย่างในแบบที่เขาต้องการ เขาก็ไม่อยู่ เราเข้าใจนะ เราไม่ให้ เขาก็ไป ก็แฟร์ๆ ผมว่ามาถึงจุดหนึ่งเราจะเริ่มเจอจุดสมดุลระหว่างเราและแฟนๆ ว่าตรงไหนเรียกว่าพอดี แค่ไหนกำลังดี
สมัยแรกๆ เวลามีคอมเมนต์แรงๆ เกี่ยวกับผมออกมา แฟนบางกลุ่มจะเครียดแทน จะซีเรียสมาก เราก็ด้วยแหละ แต่พอเวลาผ่านไปเราก็ตระหนักว่า มันไม่มีความหมายอะไรเลย เราไปตั้งใจทำสิ่งที่มีความหมายดีกว่า หรือไปดูคอมเมนต์ที่สร้างสรรค์ดีกว่าไปมัวเสียเวลากับคอมเมนต์ที่ไม่ช่วยให้เราพัฒนาอะไรได้เลย
เราจะเริ่มมีภูมิต้านทาน และเริ่มมีระบบกลั่นกรองที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เราต้องการในชีวิต และไม่ใช่เฉพาะกับงานอย่างผม แต่ทุกอาชีพก็ด้วย
33:11
“After all this time you started to realize that all those negativities don’t mean anything. You should keep focusing on what’s important, like the constructive comments. And just leave all the negative and destructive comments that don’t help you advance or anything aside. I think both me and my fans learned that over the years…
“You sort of develop some filtering system for yourself. That’s what you need in life, not just for my profession, but any profession…”
34:02
- ช่วงนี้ชื่อ ‘What’s Your Take on’ โบจะเสนอสามประเด็น ให้พี่ณัฐเลือกแค่หนึ่งเพื่อแสดงความเห็น
- Life coaching
- Homeschooling
- “Print is dead!”
ขอเลือกพูดเรื่องไลฟ์โค้ชก็แล้วกันครับ
ก่อนอื่น ผมไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดหรือไม่ดีเลยนะ ไลฟ์โค้ชจำนวนมากมากมีเจตนาที่ดี รู้จัก TED Talk ใช่ไหมครับ ผมมองว่านั่นเป็นรูปแบบหนึ่งของไลฟ์โค้ช ตรงที่เราสามารถเลือกฟังสิ่งที่เราอยากฟังได้ แล้วจากนั้นเราก็ตัดสินใจเอาเองว่าเห็นด้วยกับเรื่องไหน จะเชื่อเรื่องไหน นั่นคือสิ่งสำคัญ
แต่ไลฟ์โค้ชหลายคนเหมือนจะมีความเชื่อว่า ชีวิตมีสูตรสำเร็จเดียว คือสูตรของเขา อันนี้ผมไม่เห็นด้วย ในความเป็นจริง คนเราต้องการสิ่งที่ต่างกันไป และต้องการความสำเร็จในแบบที่ต่างกันไป แล้วมันจะมีสูตรสำเร็จเพียงอย่างเดียวกับทุกคำตอบของชีวิตได้ยังไง ถูกไหม
35:34
“What I don’t agree with is that some of them seem to think that there’s only one type of formula for success in life. When in reality people want different things in life. And if you want different things in life, there’s not gonna be just one formula that’s applicable to every single person, you know what I mean?”
ผมเคยเจอไลฟ์โค้ชประเภทที่ล่อให้เราอยากสำเร็จทางการเงินตลอดเวลา โดยยกตัวอย่างลูกศิษย์ลูกหารวยๆ ของเขา คนนั้นมีกี่ล้าน คนนี้มีกี่ร้อยล้าน ผมว่าเงินไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องวัด และไม่ควรเป็นสิ่งเดียวที่อยู่เบื้องหลังความตั้งใจในการทำอะไรก็ตามของคนเรา
เช่น ไม่ผิดที่คุณอยากได้บ้านหรูหลังใหญ่บนเนินเขา ซึ่งแน่นอนว่าอยากทำตามความฝันได้มันต้องใช้เงินจำนวนมากนั่นแหละ แต่ผมว่าตัวเงินไม่น่าจะมาก่อนภาพของชีวิตในแบบที่เราต้องการจริงๆ
36:40
“I think it’s okay for people to say I want a nice house on a hill, if that’s your goal. Then of course a lot of money is gonna be needed to achieve that goal. But the money shouldn’t come before the image of the life you wanna have…”
เราน่าจะตัดสินใจด้วยตัวเองก่อนว่า เป้าหมายของชีวิตเราคืออะไร
เรื่องพวกนี้มันต้องปรับให้เข้ากับแต่ละคน สมมติคุณอยากกินปลา ก็ต้องออกไปหาในทะเล แต่ถ้าอยากกินหมู ก็ต้องเข้าไปหาในฟาร์ม และเราก็ต้องการทักษะที่ต่างกันไปในจุดหมายที่แตกต่างกัน และนั่นล่ะครับ ก่อนอื่นเราต้องตัดสินใจก่อนว่าอยากได้อะไรกันแน่ หมูหรือปลา
38:22
“I think life-coaching is good but you have to decide what your goals in life are first.”
“I think the thing is it has to be personalized. Let’s say if you wanna eat fish you have to go into the sea, but if you wanna eat pork, you have to go into a farm. And you need different skills for that. You yourself have to decide first what you want.”
38:53
- ช่วงสุดท้ายของรายการชื่อว่า ‘What If’ เป็นคำถามสมมติค่ะ
“ถ้าพี่ณัฐได้เป็นนายกของประเทศไทย จะออกกฎหมายอะไรเป็นอย่างแรก”
คงไม่เรียกว่าเป็นการออกกฎหมายนะ แต่อย่างแรกที่จะลงมือทำคือปฏิรูปการศึกษา นี่เป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิดใจมาก เด็กไทยไม่ควรถูกสอนว่าคำตอบที่ถูกต้องมีเพียงข้อเดียว ผิดจากนั้นคือผิด อันนี้ไม่ถูกต้อง
โรงเรียนไทยเราสอบแบบปรนัย มีคำตอบถูกข้อเดียว แต่ในอเมริกา เขานิยมให้เขียนตอบแสดงความเห็น โดยใช้ข้อมูลมาสนับสนุน
นี่คือสิ่งสำคัญในโลกยุคนี้ โลกในยุคที่ข้อมูลเยอะเหลือเกิน สิ่งที่เราต้องการคือความสามารถในการวิเคราะห์ และแยกแยะว่าอะไรเชื่อได้เชื่อไม่ได้ หรืออะไรบ้างที่ต้องเอาไปคิดต่อ
Credits
The Host สาวิตรี สุทธิชานนท์
The Guest ณัฐ ศักดาทร
Show Creator ภูมิชาย บุญสินสุข
Episode Producers ภูมิชาย บุญสินสุข
อธิษฐาน กาญจนะพงศ์
ปวริศา ตั้งตุลานนท์
Episode Editor ภูมิชาย บุญสินสุข
Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ
Coordinator & Admin อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
Art Director กริณ ลีราภิรมย์
Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล
Photographer อธิษฐาน กาญจนพงศ์
Music Westonemusic.com