×

เรื่องจิตวิทยากับการแก้ปัญหาทางการเงิน

30.07.2018
  • LOADING...

The Money Case by The Money Coach เอพิโสดนี้ลองเปลี่ยนกระบวนท่าหันมาใช้ด้านจิตวิทยาเข้าช่วย เพราะบางทีเมื่อเจอกับปัญหาทางการเงินเข้าจังๆ ลำพังแค่เทคนิคและความรู้ก็เอาไม่อยู่

 

มันนี่โค้ช ชวน ครูเปิ้ล-สุดารัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพ ศิลปะการแสดง และจิตวิทยา มาให้ความรู้แบบเข้าใจง่าย คำแนะนำที่ใช้ได้กับตัวเอง หรือใช้รับมือกับคนรอบข้าง รวมถึงเคสตัวอย่างเรื่องปัญหาทางการเงิน ที่บอกเลยว่า น่าช็อกและสะเทือนใจที่สุดตั้งแต่มีรายการมา

 


ครูเปิ้ลเป็นใคร ทำอะไรอยู่บ้าง

เราเป็นทั้งครูสอนการแสดง ผู้กำกับการแสดง กำกับลีลา และทำงานด้านจิตวิทยา เช่น ให้คำปรึกษา จัดเทรนนิ่งให้กับองค์กร โดยใช้วิทยาศาสตร์การแพทย์ หลักจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychology) ที่ประยุกต์ใช้จากที่ได้เรียนมาในระดับปริญญาโท

 

ตอนแรกเรียนคณะอักษรศาสตร์ที่ศิลปากร ด้านกำกับการแสดง แต่ต่อมาเลือกข้ามฟากไปเรียนปริญญาโทคณะแพทยศาสตร์ ด้านจิตเวช เนื่องจากอยากให้คำปรึกษาอย่างมีหลักการและถูกต้องมากขึ้น เพราะมีคนมาขอคำปรึกษาเยอะ

 

คนที่เข้ามาปรึกษาประสบปัญหาเรื่องการเงินเยอะไหม

ถ้าตอบว่า 100% จะดูเว่อร์ไหม จริงๆ เขามาปรึกษาด้วยเรื่องอื่น แต่พอคุ้ยไปคุ้ยมา จะเกี่ยวข้องกับเรื่องการเงินเสมอ ส่วนมากจะเป็นกลุ่มวัย 25-35 ปี ช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว

 

พฤติกรรมความเครียดความเศร้า ส่วนใหญ่จะมาจาก 3 ส่วน

 

  1. ด้านร่างกาย (Bio)
  2. ด้านจิตใจ (Psycho)
  3. ด้านสังคม (Social)

เรื่องเงินมีผลกับร่างกาย เพราะจริงๆ แล้วสมองเรารักเงิน สมองถูกสร้างมาให้เราอยู่รอดปลอดภัย และเงินก็ทำให้เราและครอบครัวอยู่รอดปลอดภัย

จิตใจก็ส่งผลต่อความเครียดความเศร้า อันนี้ชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนเรื่องสังคม สมมติว่าเรามีเงิน มีการวางแผนทางการเงินที่ดี เราก็สามารถเลือกสังคมได้

 

คนมีเงินเยอะล่ะ มีปัญหามีความเครียดบ้างไหม  

มีได้ ส่วนมากมาจากการเปรียบเทียบกับเพื่อนและคนอื่น การบงการชีวิตลูก  คนรวยจะมีเรื่องสถานะทางสังคมที่ต้องใช้เงิน ลูกต้องเก่ง ดูดี ดูน่ารัก ควบคุมได้  พอเรามีฐานะชีวิตจะเปลี่ยนทันที กระเป๋าภรรยาต้องแบรนด์เนม โรงเรียนลูกต้องสะท้อนหน้าตาพ่อแม่ ทำเพื่ออวดเพื่อโชว์ กลายเป็นไม่มีความสุข

 

ระดับไหนที่ไม่ใช่แค่เครียดชั่วคราว แต่นี่คือป่วยแล้ว

ดูได้จาก 3 ส่วนเหมือนเดิม

  1. อาการทางกาย มีการกินน้อยหรือกินเยอะผิกปกติ มีการนอนหลับที่ผิดแปลกไป เช่น นอนไม่อิ่ม หรือไม่อยากนอนเลย นอกจากนี้ ปัจจัยทางด้านพันธุกรรมยังส่งผลต่อการฟื้นฟู หากครอบครัวไม่เคยมีคนป่วยทางด้านจิตเวช ก็จะมีโอกาสมากขึ้นที่จะยืดหยุ่น และหายเศร้าได้เร็ว
  2. ด้านจิตใจ มีการโทษตัวเอง รู้สึกตัวเองไร้ค่า หมองม่น อยากฆ่าตัวตาย อยากหนีไปไกลๆ ร้องไห้ไม่หยุด หากเขาไม่เคยเติมความคิดบวก ฝึกสกิลการมีความสุข จะรักษาตัวเองได้ยาก เพราะเขาไม่เคยฝึกคิดในด้านดี
  3. ด้านสังคม เก็บตัว ไม่อยากพบเจอใคร อาจเป็นผลมาจากไม่เคยถูกเลี้ยงดูในแบบที่ยืดหยุ่นกับปัญหา ถ้าเขาเครียดแล้วเราไปแนะนำเขา สารเคมีในสมองจะถูกปล้น หรือ  Amygdala Hijack ใครจะพูดให้คิดบวก กรอกหูอย่างไรก็ไม่ได้ยิน เราต้องปล่อยให้ได้ระบาย ร้องไห้ ถึงเขาจะรับรู้ได้ว่าเราเป็นห่วง คุยกับเขา แต่เราแต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเขา ณ ตอนนั้นได้

 

ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัย ก็ต้องดูควบคู่กับระยะเวลา และเปรียบเทียบกับคนทั่วไปด้วย คนที่เปราะบางอาจใช้เวลานานกว่า คนทั่วไปหากคนรักจากไปเขาจะอยู่ในภาวะเศร้าประมาณ 3 เดือน ฉะนั้นหากภายในระยะเวลา 3 เดือน เขามีสิทธิอ่อนแอ แต่หากเป็นเรื่องเล็กๆ แต่เขาใช้เวลานาน หรือร้องไห้ตลอดเวลา ก็ถือได้ว่าเป็นความผิดปกติ

 

จิตแพทย์คือเพื่อนคลายทุกข์

เราควรรู้สึกว่าจิตแพทย์เป็นเพื่อน จิตแพทย์คือหมอใจ แพทย์ทั่วไปคือหมอกาย เราเป็นหวัดเราไปหาหมอ แต่พอเราเครียด มีอาการหงุดหงิดง่าย ทำไมเราถึงไม่ไป เราสามารถป้องกันไม่ให้โรคดำเนินต่อไป จิตแพทย์สามารถช่วยไกด์ จัดการ และฝึกสกิลความสุข ในต่างประเทศ เราจะเห็นฝรั่งนั่งคุยกับจิตแพทย์เป็นเรื่องปกติมาก ถือเป็นกระบวนการบำบัด

 

ขั้นตอนการบำบัดหากมีคนเครียดเรื่องเงินมาปรึกษา

ขั้นแรก เราจะชวนคุยและถามว่า อยากให้ดูแลในเรื่องไหน หากเขายังไม่รู้ปัญหา เราก็จะวิเคราะห์จากเรื่องที่เขาเล่ามา แล้วทำให้เรื่องแคบลง หากเขาเล่าเรื่องไหน แล้วมีการเงียบ หรือมีน้ำตา เราจะไม่ปล่อยผ่าน เราจะถามว่า ที่มีน้ำตาตอนนี้ มีความหมายว่าอะไร ให้เขาระบาย หากร้องไห้ เราจะรอให้เขาเริ่มใจเย็นขึ้น แล้วค่อยชวนแก้ปัญหา หากปล่อยผ่าน ปัญหาก็จะยังอยู่ ฉะนั้นเราจึงพยายามขุด ให้เขาเปิดเผยตัวตนออกมาให้มากที่สุด เนื่องจากสถานภาพในสังคม ภาพลักษณ์ การกลัวถูกตัดสินอาจทำให้เขาไม่ยอมเปิด เราจะใช้เครื่องมือละครบำบัดเข้ามาช่วย เช่น การให้เขียนจดหมายหาตัวเองในอนาคต การโทรหาตัวเองในอดีต การสมมติบทบาทให้เป็นคนอื่น ลองนั่งคุยกับเก้าอี้ เพราะหากเราคุยกับเขาต่อหน้า เขาอาจมีกำแพงกับเรา และที่สำคัญคือการบอกว่าตรงนี้คือที่ปลอดภัย ทุกอย่างเป็นความลับ การที่เขาเปิดเผย เล่าระบายออกมาจะช่วยให้สามารถแก้ปัญหาและรู้สึกสบายใจ เราจะบอกเขาว่า น้ำตาไม่ได้มีความหมายว่าอ่อนแอ สามารถใช้เวลาตรงนี้อยู่กับน้ำตาของคุณได้เลย โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิด และเราไม่ยื่นทิชชู่ให้เขา เพราะมันหมายถึงการตบไหล่และบอกว่าพอเถอะ ให้เขาได้ระบายออกมาเต็มที่ เมื่อปัญหานั้นถูกแก้ด้วยความคิดของเขาเอง เขาจะสามารถนำมันออกไปใช้ได้ในชีวิตจริง

หมอหรือนักจิตวิทยา จะช่วยแค่หาเครื่องมือให้ สุดท้ายเขาคือคนที่จะลงมือทำเอง ไม่มีใครเก่งเรื่องเขาเท่าเขาหรอก เขาเก่งเรื่องเขามากที่สุด ในอนาคตหากเขาเจอ เขาสามารถแก้เองได้ เราไม่ได้แค่โยนคำคมไป สุดท้ายเราต้องทำให้เขาคิดเองได้

การรักษา

ปกติจะรักษาประมาณ 1 เดือน อาทิตย์ละครั้ง ครั้งละประมาณ 50 นาที ถ้านานกว่านั้น จะเป็นการระบายที่ไม่จำเป็น ซึ่งเขาจะไม่ได้ใช้เวลาคุณภาพ ในแต่ละครั้งจะให้เขาได้เล่าและเราจะปรับเครื่องมือไปตลอด

 

คำแนะนำทางการเงินให้กับคนที่สิ้นหวังหมดความเชื่อมั่น

สาเหตุเกิดจากเขามีความรู้ทางด้านการเงินน้อย ไม่มีความรู้พื้นฐาน เหมือนที่โค้ชหนุ่มทำคือการแก้หนี้ หากเปรียบเทียบใน ฝั่งการแพทย์สิ่งนี้คือการบำบัด ฟื้นฟู ไม่ใช่การป้องกัน แต่การที่โค้ชหนุ่มให้ความรู้ทางด้านการเงิน สิ่งนั้นคือการป้องกัน

 

ทฤษฎีจิตสังคม ของอีริกสันได้กล่าวว่า ชีวิตเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีงานในแต่ละช่วงวัย เช่น ในวัย 0-1 ขวบ ถ้าเราร้องไห้ แล้วไม่มีใครมาโอ๋ เราจะไม่ไว้ใจโลก ช่วง 20-40 ปี เรามีงานที่จะรักคนอื่น ดูแลคนอื่น ไม่พึ่งพิงพ่อแม่ ซึ่งถ้าหากการเงินมีปัญหา ไม่ได้เพียงแค่ส่งผลต่อความไม่สบายกาย แต่จะทำให้สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง เกิด Life Crisis ซึ่งแตกต่างกับในช่วง 20 ปีแรก เด็กไม่มีเงิน เด็กจะรู้สึกปกติ

 

ตัวอย่างเคสที่เคยให้คำแนะนำทางด้านการเงิน

มีผู้หญิงที่เป็นเสาหลักครอบครัว ดูแลทั้งลูก แม่ และสามีตัวเอง ด้วยความที่สามีเขาเป็นศิลปิน ไม่ทำงาน และเธอไม่กล้าพูดคุยกับสามีโดยตรงเรื่องการเงิน เพราะกลัวว่าสถานะผู้หญิงที่ดีจะหมดไป กลัวไม่ได้เป็นบุคคลที่รัก แต่พอลูกเริ่มโต แม่เริ่มแก่ ภาระเริ่มเยอะขึ้น เกิดปัญหาทางการเงินจนกระทั่งต้องขโมยของโกงบริษัท จนสุดท้ายโดนไล่ออก ฝั่งสามีกลับมองเธออีกแบบหนึ่ง และเริ่มไปมีผู้หญิงคนใหม่ จนต้องแยกทางกัน ซึ่งแท้จริงแล้ว ปัญหาอยู่ที่การไม่สามารถสื่อสารกับอีกฝ่ายได้ ซึ่งปัญหานี้จะไม่เกิดหากเรามีความรู้ทางด้านการเงิน

 

เคสไหนที่หนักที่สุด

เป็นเคสที่ฆ่าลูกและภรรยา เนื่องจากการหนีหนี้ เขาฆ่าลูก ฆ่าภรรยาสำเร็จแล้ว และกำลังจะฆ่าตัวเอง แต่ตำรวจมาเจอก่อน เขาจึงรอด ต่อมาเขาป่วยและเป็นบ้า ต้องได้รับการบำบัด ก่อนที่จะดำเนินคดี

 

สาเหตุเกิดจากการที่เขาให้สัญญากับคุณพ่อภรรยาไว้ว่าเขาจะรัก จะดูแลผู้หญิงให้ดีที่สุด ฝ่ายชายมาจากคนที่ติดลบ ทำธุรกิจ จนกระทั่งร่ำรวยขึ้นมา จนสามารถเอาชนะคำดูถูกของพ่อภรรยาและสามารถพาแฟนมาอยู่กับเขาได้ แต่ธุรกิจเกิดมีปัญหา จนกระทั่งเขาเป็นหนี้ ติดลบ ถึงขั้นต้องขายบ้าน ลูกต้องออกจากโรงเรียน มีคนตามทวงหนี้ แฟนจากที่ไม่เคยทำงานต้องไปขายน้ำเต้าหู้ ลูกต้องไปอยู่โรงเรียนวัด อีกทั้งลูกถูกเชิญผู้ปกครอง เนื่องจากไปขโมยของ เพราะเขาไม่รู้ ว่าทำไมเขาไม่ได้ของ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน เขาได้ของทุกอย่าง ฝ่ายชายรู้สึกผิด จากบ้านหลังโตต้องไปอยู่ห้องแถว กับความรู้สึกหวาดหวั่นที่จะถูกทวงหนี้ตลอดเวลา ลูกไม่เข้าใจ ฝ่ายชายจึงคิดว่า หากเขาแก้ปัญหาอะไรไม่ได้แล้ว ก็จากโลกไปด้วยกันเลยดีกว่า จึงเป็นที่มาของการฆ่าลูกและภรรยา

 

ปัจจุบันก็ต้องคอยช่วยพยุงให้เขาสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ แต่เขาก็มาเป็นครูเราในแง่ที่ว่า จากคนที่เรามองว่าเป็นฆาตกร ฆ่าลูก ฆ่าเมีย แท้จริงแล้ว มันมาจากความดี สิ่งที่เขาพยายามจะรักษาสัญญา แต่พอทำไม่ได้ ก็เลยพยายามเลือกทางออกด้วยวิธีทางอีกแบบ

 

คำแนะนำสำหรับคนที่เริ่มมีปัญหาทางด้านการเงิน มีความเครียด หรือโรคซึมเศร้า

ขั้นแรก อยากให้ทุกคนรู้จักตัวเองให้มากพอ ทุกวันนี้เรารู้จักคนอื่น แต่เราไม่รู้เลยว่าเวลาเราไม่ไหว ไม่โอเค เราจะเป็นอย่างไร กลับมาถามตัวเองว่าเพราะอะไร เวลาที่เราเซ เรามีปฏิกิริยาอย่างไร ต้องรู้และทันตัวเอง เพื่อที่จะเป็นผู้กำกับชีวิตตัวเอง เป็นโค้ชให้ตัวเอง

 

ขั้นที่สอง คือต้องรู้ว่าทางออกที่ทำให้มีความสุขคืออะไร เช่น การดูซีรีส์ การกินกาแฟ หรือการอ่านหนังสือ เหมือนการกวาดขยะทิ้งทุกวัน เพราะการสะสมไว้ จะทำให้เครียดง่ายและหนักขึ้น ถ้าสองขั้นนี้เอาไม่อยู่ก็ต้องพิจารณาไปพบจิตแพทย์

 


ฟังพอดแคสต์ The Money Case by The Money Coach โดยแอปฯ Podcasts (สำหรับผู้ใช้ iOS), Spotify, Podbean, SoundCloud, YouTube หรือแอปฯ ประเภท Podcast Player ยี่ห้อใดก็ได้ (สำหรับผู้ใช้ Android) 


 

Credits

 

The Host จักรพงษ์ เมษพันธุ์

The Guests สุดารัตน์ ศิริวรางกูร


Show Creator จักรพงษ์ เมษพันธุ์

Show Producer & Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director อนงค์นาฎ วิวัฒนานนท์

Shownote ปนัสยา เลิศทนงศักดิ์

Proofreader ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์

Music Westonemusic

FYI
  • ปัจจุบันครูเปิ้ลมีศูนย์ให้คำปรึกษา ชื่อว่า Mind Center มีคอร์สออนไลน์ ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับด้านจิตวิทยา ก่อนจะคุยกันตัวต่อตัว คลาสส่วนใหญ่จะใช้ Theater Activity หรือละครบำบัดมาประยุกต์ใช้อีกด้วย

  • นอกจากนี้ ยังมีคลาส Happiness Mastery ให้เรียนฟรี ที่เพจ IDEO Empowerment ด้วยคอนเซปต์ที่ว่า ไม่มีใครเก่งเรื่องตัวเราเท่ากับตัวเรา และไม่มีใครทำให้เรามีความสุขได้เท่ากับตัวเรา

  • ติดตามเพจของครูเปิ้ลได้ที่ Mind Director : กำกับใจ by ครูเปิ้ล

  • LOADING...

READ MORE

MOST POPULAR



Close Advertising
X