วันนี้ (25 พฤศจิกายน) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ ‘เที่ยวชุมชน ยลวิถี’ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มอบรางวัลในวันนี้ ซึ่งถือเป็นนโยบายของรัฐบาล และยืนยันว่ารัฐบาลดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในช่วงปี 2564-2565 บนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตแบบวิถี New Normal หรือ Universal Prevention ยอมรับว่าสถานการณ์ในขณะนี้ดีขึ้น แต่ยังต้องขอความร่วมมือประชาชนฉีดวัคซีน เพราะยังมีบางส่วนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน และขณะนี้ไทยมีวัคซีนอย่างเพียงพอ จึงขออย่ารอ อย่าเลือก เพราะผ่านการอนุมัติขององค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไทยแล้ว ซึ่งอย่างน้อยก็สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ จึงขอเตือนไว้
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้จังหวัดเตรียมชุดเคลื่อนที่ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในแต่ละพื้นที่ จึงขอฝากไว้เพื่อป้องกันการระบาดระลอกใหม่ วันนี้ความเข้มแข็งของประเทศไทยคือความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ หยิบจับมาใช้ให้เป็นประโยชน์และสร้างมูลค่า นั่นคือความเป็นอัตลักษณ์ ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เราต้องสร้างความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพ สร้างความสามัคคี ไม่แบ่งแยก นั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องการ เพื่อที่จะได้ทำงานอย่างอื่นได้อย่างเต็มที่
สำหรับความพยายามอีกหนึ่งสิ่งที่รัฐบาลได้พยายามทำอยู่ คือการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยรัฐ ธุรกิจ เอกชน ประชาชน ต้องเดินหน้าไปด้วยกันบนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนรู้และการปรับกระบวนการคิด เพื่อให้ทันโลก และต้องพัฒนาให้มากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลง หากเราไม่ปรับตัวเราจะอยู่ไม่ได้ในอนาคต เพราะทุกอย่างเข้ามาด้วยเทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งมีทั้งวิกฤตและโอกาส รัฐบาลได้พยายามดูอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่ารายได้ของเรามีจำกัด โดยเฉพาะในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และอยากบอกว่านายกรัฐมนตรีเป็นห่วงทุกคน
พล.อ. ประยุทธ์ยังระบุว่า หากเปรียบเทียบแล้วคิดว่าประเทศไทยยังดีกว่าหลายประเทศ แต่เราต้องดีมากกว่านี้ ต้องยิ้มปากกว้าง มีความสุขอย่างพอเพียง การมีเงินหรือคนรวยใช่ว่าจะสบาย เพราะต้องคิดตลอดว่าจะหาเงินอย่างไรเพื่อความสุขสบาย มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย พร้อมอยากให้ผู้ปกครองสอนเด็กตั้งแต่เล็กๆ ให้รู้สึกว่าโตขึ้นมาแล้วจะอยู่กันอย่างไร ให้เข้าใจพ่อแม่ว่ามีกำลังเท่าไร่ รัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ เอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหา แต่ก็ต้องใช้ความพยายามพอสมควร ซึ่งไม่ว่าคนรวยคนจนก็มีทุกข์เหมือนกัน แต่อยู่ที่ใจเรา คนเรามี 70 กว่าล้านคน เคยชินการอยู่แบบเดิมๆ บางทีก็เปลี่ยนแปลงกันยาก แต่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนที่ใจ หากพร้อมที่จะเปลี่ยนก็จะปรับได้หมด เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียว