หลังจากมติในที่ประชุมเลือกนายกฯ ออกมาเป็นเอกฉันท์ โดยผลปรากฏว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับผลโหวตจำนวน 500 คะแนน ต่อผลโหวตของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ได้ 244 เสียง งดออกเสียง 3 คะแนน
โดยทันทีที่ผลการเลือกนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้น ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคอนาคตใหม่ ออกมาขอโทษกับทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ และยังขอโทษที่ไม่สามารถหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. จากการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ แม้จะยังแอบหวังให้ 2 พรรคตัวแปร อย่างภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ได้เลือกทำในสิ่งถูกต้อง และสุดท้ายจะไม่เกิดขึ้นก็ตาม
“พวกเราทั้ง 7 พรรคการเมือง ได้สู้จนถึงที่สุด สู้จนถึงวินาทีสุดท้าย พวกเราทำตามที่พวกเราหาเสียงไว้ พวกเราไม่ได้ยอมแพ้ระหว่างทาง พวกเราจะต่อสู้จนถึงที่สุด ภายใต้กรอบที่รัฐประหารได้วางไว้
“สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสมรภูมิหนึ่งในการเดินทางอันยาวไกล ที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยในประเทศไทย พวกเราเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ท้ายที่สุด ชัยชนะจะเป็นของประชาชน เพราะเผด็จการไม่อาจต้านทานสายลมได้ตลอดไป ประชาชนจะร่ำร้องหาเสรีภาพและเรียกร้องหาความเป็นธรรม”
ทั้งนี้ นักข่าวได้ถามธนาธรว่า จะดำเนินงานต่อไปอย่างไรต่อหลังจากนี้ ซึ่งธนาธรได้ระบุว่า ต่อจากนี้พรรคอนาคตใหม่จะแบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ดังนี้
- ส.ส. จากพรรคอนาคตใหม่ ในรัฐสภาก็จะทำงานในฐานะฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล นำเสนอกฎหมายหรือนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนต่อไป
- เตรียมตัวผลักดันการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น
- การรณรงค์สร้างพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง ทำให้พรรคอนาคตใหม่เป็นสถาบันทางการเมืองที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และต่อสู้เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ดีขึ้นในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ธนาธรยังได้ชี้แจงถึงทิศทางของคดีความของตัวเองว่า “ถึงตอนนี้ เรื่องหุ้นที่เรายืนยันไปไม่รู้กี่ครั้ง หรือหลักฐานที่แสดงถึงความบริสุทธ์ของเรายังคงอยู่ในชั้นของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราต้องรอศาลวินิจฉัย และไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ผมยืนยันว่าเราจะทำงานอย่างสร้างสรรค์อย่างหนักแน่นต่อไป”
นอกจากนี้ ธนาธร ยังได้ให้ความคิดเห็นต่อสื่อถึง กรณีการงดออกเสียงของ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส. จากพรรคภูมิใจไทย ว่า “เขาเป็น ส.ส. ที่กล้าหาญที่สุดในรัฐสภาวันนี้”
