วันนี้ (7 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะเลขานุการและโฆษกคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ได้มีมติเชิญ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มาชี้แจงกรณีสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความมั่นคงตามแนวชายแดนไทยและกัมพูชา
ไชยยงค์ระบุว่า กรรมาธิการฯ พิจารณาเห็นว่าข้อพิพาทบริเวณแนวชายแดนไทยเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนและผลประโยชน์ของประเทศชาติตามรัฐธรรมนูญ ยังส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน อีกทั้งฝ่ายกัมพูชาได้ดำเนินการทุกวิถีทางอันไร้ความจริงใจและ พยายามที่จะให้ได้เปรียบประเทศไทยในทุกด้าน
ไชยยงค์กล่าวว่า ทางกรรมาธิการฯ จึงมีมติเชิญนายกรัฐมนตรีมาแถลงข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ตามประเด็นข้อซักถามดังนี้
1.ประเด็นจุดยืนและแนวปฏิบัติข้อพิพาทบริเวณพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา จังหวัดจำนวน 12 ข้อเช่นจุดยืนต่อ MOU 43 และ MOU 44 หรือการละเมิด MOU อย่างต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชา
2. ประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย หรือการปกป้องและดูแลประชาชนชาวไทยทุกกลุ่มในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ส่งสัญญาณแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตัวจริงที่จะรับมือกับปัญหาชายแดนภาคใต้ด้วย
3. ประเด็นความปลอดภัยไซเบอร์และการต่อต้านการฟอกเงิน การขจัดธุรกรรมที่ผิดกฎหมายหรือที่ต้องสงสัยเพื่อป้องกันหรือปราบปรามและช่วยเหลือคนไทยให้ปลอดภัยจากการฉ้อโกงออนไลน์และการฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนต่างชาติ
ไชยยงค์กล่าวต่อไปว่า วันนี้ปัญหาของไทย-กัมพูชา ไม่ได้มีเรื่องชายแดนความมั่นคง อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างเดียว แต่สถานการณ์ที่เกิดใหม่ จากมาตรการปิดแนวชายแดนและการใช้มาตรการต่างๆ ในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน ทำให้เกิดปัญหาใหม่ มีกระบวนการกองทัพมดมีการนำเข้าและส่งออกสินค้าหนีภาษีของทั้งสองฝั่ง มาค้าขายตามแนวชายแดน, เกิดช่องทางการหลบหนีการเข้าเมือง นี่คือปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นจากผลกระทบซึ่งรัฐบาลไม่ได้ออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร
ไชยยงค์เปิดเผยด้วยว่า เดิมการเชิญนายกรัฐมนตรี กำหนดไว้วันที่ 16 กรกฎาคม แต่สถานการณ์การเมืองเปลี่ยน ทำให้วันที่ 9 กรกฎาคมนี้ จะมีการประชุมเพื่อกำหนดวันเชิญมาชี้แจงใหม่อีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องการเชิญนายกรัฐมนตรี หรือรักษาการนายกรัฐมนตรี หรือ จะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงแทนก็ได้
ส่วนการชะลอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 นั้น เพราะการเมืองมีการเปลี่ยนแปลง มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำให้ต้องรอให้ผ่านระยะเวลาไปอีกช่วงหนึ่งก่อน