วันนี้ (17 ธันวาคม) เวลา 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ที่เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) ที่โรงแรมโอกุระ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษฯ ว่า ระหว่างการประชุมได้หารือพูดคุยส่วนตัวกับผู้นำประเทศในอาเซียน เช่น ประเทศกัมพูชา ประเทศเวียดนาม และประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงหารือทวิภาคีกับ คิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แบบเต็มคณะ
ญี่ปุ่นชวนไทยร่วมสังเกตการณ์ ประชุม OECD ยกระดับหารือการค้า
เศรษฐากล่าวว่า ในการพูดคุยกับ คิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ยังมีการพูดถึงองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งมีประเทศใหญ่ๆ เป็นสมาชิกอยู่ 30 กว่าประเทศ เช่น ออสเตรเลีย, เบลเยียม, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, เกาหลี, สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร เป็นต้น แต่เรายังไม่ได้เป็นสมาชิก อยู่ระหว่างการยื่นเรื่อง ซึ่งญี่ปุ่นเชิญให้เราเข้าร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์ในการประชุมครั้งหน้าช่วงปีหน้า ทั้งนี้ หากเราได้เป็นสมาชิก การเจรจาเกี่ยวกับสนธิสัญญาการค้าจะทำได้ดีขึ้น
กัมพูชา หนุนตั้งกงสุลที่เสียมเรียบ
สำหรับการพูดคุยกับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เศรษฐากล่าวว่า ได้หารือกันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานกงสุลที่เสียมเรียบ ซึ่งเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังคือนครวัด และมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชายืนยันจะสนับสนุนเต็มที่ รวมถึงขอบคุณประเทศไทยที่ช่วยดำเนินการให้คนกัมพูชาเข้าไทยได้โดยไม่ต้องใช้พาสปอร์ต และทำให้ภาคแรงงานขับเคลื่อนไปได้ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
เตรียมตั้งคณะกรรมการจัดแพ็กเกจท่องเที่ยว ‘เวียดนาม-สปป.ลาว-กัมพูชา-ไทย’
ขณะที่การหารือร่วมกับ หวอ วัน เถือง ประธานาธิบดีเวียดนาม เศรษฐากล่าวว่า จะมีการรื้อฟื้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมระหว่างสองประเทศ โดยเวียดนามเสนอให้จัดช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้ในฐานะที่ทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก คาดว่าจะมีการพูดคุยกันเรื่องราคาข้าว เพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น
เศรษฐาระบุด้วยว่า เวียดนามเสนอให้ประเทศไทยในฐานะที่มีประสบการณ์สูงในเรื่องการท่องเที่ยวและนโยบายก้าวหน้า รวมถึงมีนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดในภูมิภาคนี้ ร่วมกับ เวียดนาม สปป.ลาว และกัมพูชา พูดคุยกันเพื่อร่วมเป็นคณะกรรมการโปรโมตการท่องเที่ยวให้มีความเชื่อมโยงกัน เพราะเวลานักท่องเที่ยวมาภูมิภาคนี้ก็จะได้มาทั้งหมด และนำจุดแข็งของแต่ละประเทศมาใช้
เศรษฐากล่าวอีกว่า ได้เสนอว่าการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีระหว่างเวียดนามและไทยช่วงเดือนพฤษภาคม เราจะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวทั้ง 4 ประเทศ เพื่อทำการบ้านไปก่อนคลอดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของทุกประเทศที่จะดำเนินการต่อไป อีกทั้งแนวคิดนี้ถือเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ที่ดีมากของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม
อินโดนีเซียสั่งซื้อข้าวไทย 2 ล้านตัน
ส่วนการพูดคุยกับ โจโก วีโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เศรษฐากล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านส่งนักธุรกิจมาคุยเรื่องการค้าข้าวก่อนแล้ว และการพบกันวันนี้ประธานาธิบดียืนยันว่าจะซื้อข้าวไทยจำนวน 1 ล้านตันภายในปีนี้ แต่เมื่อระยะเวลาเหลือเพียง 20 วัน ประธานาธิบดียืนยันจะสั่งข้าวไทยเป็น 2 ล้านตัน โดยจะส่งคนมาพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ช่วงต้นปี 2567 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ข้าวไทยมีราคาและความต้องการสูงขึ้น
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีอินโดนีเซียยังมีความสนใจในเรื่องแลนด์บริดจ์ด้วย เพราะมีนักลงทุนอินโดนีเซียสนใจมาลงทุน โดยจะมีการนัดมาหารือต่อไป
รัฐบาลทำงานเต็มที่ ยกระดับชีวิตประชาชน
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการมอบของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า “สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ในฐานะนายกรัฐมนตรีถูกมองว่าเป็นนักการเมือง ส่วนนักการเมืองบางทีก็ลืมไปว่าเป็นนักการเมือง เพราะมัวแต่เล่นการเมือง ตนเชื่อว่าตอนนี้ เวลานี้ เราไม่ได้มาเล่นการเมือง แต่รู้ว่าเรามาทำการเมืองเพื่ออะไร และมาอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร เรามาเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน ซึ่งสิ่งที่เราทำอยู่ก็ถือว่าต้องทำให้ประชาชนอยู่แล้ว”
นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า หากถามว่าของขวัญคืออะไร คือคณะรัฐมนตรีทุกคน เพราะทีมงานทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และยืนยันว่าเราจะพยายามทำเต็มที่ เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ประชาชนให้ดีกว่าที่ผ่านมา ถือเป็นคำมั่นก็แล้วกัน ก็คอยดูแล้วกัน พร้อมย้ำว่าจะทำเต็มที่ บางอย่างก็ถูกใจ และบางอย่างยังไม่เป็นที่เพียงพอ ก็เข้าใจได้ถึงความรู้สึก เพราะตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่หลายด้าน อะไรที่ทำได้ก็จะทำก่อน อะไรใช้เวลาก็จะทำไป ซึ่งหลายเรื่องต้องเก็บข้อมูลเพื่อมาดำเนินการเพื่อความพร้อม
