วันนี้ (15 กันยายน) THE STANDARD สัมภาษณ์สดถามตรงทุกประเด็น กับนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เศรษฐา ทวีสิน ดำเนินรายการโดย เคน-นครินทร์ วนกิจไพบูลย์
เศรษฐากล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่หลายภาคส่วนวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากความไม่ชัดเจนทางด้านงบประมาณและกระบวนการว่า มีแน่นอน 10,000 บาท เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ สำหรับให้บุคคลที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ที่ปัจจุบันมีจำนวน 54 ล้านคน สามารถใช้งานได้ภายในระยะ 4 กิโลเมตร
ส่วนที่บางภาคส่วนบอกว่า ในตำบลหมู่บ้านที่ทุรกันดาร ระยะ 4 กิโลเมตร ไม่มีร้านค้า จะต้องไปดูอีกทีว่าจะขยับขยายอย่างไร ซึ่งทั้งหมดนี้มีระยะการใช้งานภายใน 6 เดือน เพราะเราอยากให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงระยะเวลาจำกัด ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ หรือไม่สามารถซื้อสินค้า เช่น สุรา บุหรี่ หรือการใช้ชำระหนี้ ซึ่งเรามีความชัดเจนมาโดยตลอด ไม่ต้องห่วง มีสตางค์แน่นอน แต่ขอความชัดเจนในเรื่องของตัวเลขแล้วจะมาชี้แจงในภายหลัง
เมื่อถามว่า ทำไมถึงไม่ใช้แอปเป๋าตังแต่มาใช้บล็อกเชน เศรษฐากล่าวว่า จะนำดาต้าของเป๋าตัง ธนาคารกรุงไทยมาใช้ แล้วนำบล็อกเชนมาเขียนเบื้องหลัง เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาทำ KYC (Know Your Customer คือการทำความรู้จักกับลูกค้า) เมื่อมีความแน่นอนในเรื่องของระยะทางร้านค้าและสินค้าแล้วก็จะนำข้อมูลมาใส่ เพื่อความแน่นอนและความโปร่งใส
ส่วนที่พูดถึงเรื่องคริปโต เศรษฐายืนยันว่า ไม่สามารถเทรดได้ ขออย่ามาด้อยค่ากัน และอย่าตกใจ เป็นการให้พี่น้องประชาชนนำเงินไปใช้ในระยะทางที่จำกัด ซึ่งคนที่บัตรประชาชนอยู่หนองบัวลำภู ไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ จะต้องกลับไปใช้ที่หนองบัวลำภู สิ่งนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้อาจจะสร้างความลำบากให้ประชาชนบ้าง แต่ระยะเวลา 6 เดือนเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมในการให้พี่น้องประชาชนได้กลับไปเยี่ยมญาติ ทำให้สถาบันครอบครัวแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจุดหลักของนโยบายนี้คือการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค ไม่ใช่ทุกอย่างใช้อยู่แค่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต หรือหัวเมือง เราอยากให้จังหวัดเล็กๆ มีการพัฒนาด้วย และดึงร้านค้าเล็กๆ ให้มีรายได้เข้ามา
เมื่อถามว่า การเข้าร่วมของห้างร้านขนาดใหญ่มีเงื่อนไขอย่างไร เศรษฐากล่าวว่า ไม่มีเงื่อนไข แค่อยู่ในระยะ 4 กิโลเมตร ไม่ได้กีดกันเงิน 10,000 บาท ทุกคนได้หมด ไม่ได้จำกัดรายได้ จะใช้หรือไม่ใช้ก็อีกเรื่องหนึ่ง
“เซ็นทรัล หรือเดอะมอลล์ หรือสยามพารากอน ไม่ได้มีอยู่ที่บึงกาฬนะครับ มันก็ต้องให้หมดทุกอันนะครับ ความเสมอภาคทั่วถึงไปตรงนั้น มันจะดีกว่า เงินมันก็เยอะด้วย ลองจินตนาการว่ามีเงินเข้าไป 5.6 แสนล้านบาท ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ การกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้เกิดในช่วงนั้น แต่อาจจะเกิดขึ้นก่อน แต่ละร้านก็ต้องเพิ่มกำลังการผลิต เพิ่มการจ้างงาน ขอความเป็นธรรมนิดหนึ่ง ใจเย็นนิดหนึ่ง หลายนโยบายของพรรคการเมืองที่หาเสียงไปมีปริมาณเงินมากกว่าจำนวนนี้ และมีงบผูกพันทุกปี ซึ่งอันนี้เป็นแค่ One Time ทำครั้งเดียว” เศรษฐากล่าว
เศรษฐาระบุอีกว่า เพราะเรามีความเชื่อว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในภาวะที่แย่มาก เราต้องการกระตุ้นครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างคอยนโยบายอื่นเข้ามาเสริม และทำให้เศรษฐกิจเดินต่อไปรวมถึงเป็นการกระตุ้น และเมื่อมีวิตามินก็เสริมเข้ามาจะทำให้สามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น