วันนี้ (29 ตุลาคม) ที่จังหวัดหนองคาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามประเด็นปัญหาการส่งออก ขั้นตอนพิธีศุลกากร การค้าชายแดนและการพัฒนา One Stop Service ระหว่างราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยมี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, ราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, หัวหน้าส่วนราชการ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่เข้าร่วมประชุม
ภายหลังการประชุม ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายที่สำคัญ ดังนี้
ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ นายกฯ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อผลักดันศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) ทำให้การบริการภาครัฐรวมอยู่ในระบบเดียวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
นายกฯ กล่าวเน้นย้ำว่า รัฐจะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน แต่ต้องอำนวยความสะดวกต่อการลงทุนในทุกมิติให้คุ้มค่ากับงบประมาณที่ลงทุน ต้องเอื้อต่อการขนถ่ายสินค้าให้มีความสะดวกรวดเร็ว โดยมอบหมายให้กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนนโยบาย และให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข
โดยหวังให้ด่านศุลกากรจังหวัดหนองคาย เป็นต้นแบบในการให้บริการ One Stop Service และขยายผลออกไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งนายกฯ ขอให้อำนวยความสะดวกการค้าชายแดนและผ่านแดนจังหวัดหนองคาย รองรับการขนส่งสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านการท่องเที่ยว นายกฯ กล่าวย้ำว่า รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนเมืองรองเพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยว สร้างรายได้เข้าสู่พื้นที่เมืองรองมากขึ้น พร้อมกล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์ยิงที่สยามพารากอนกระทบต่อการท่องเที่ยว ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รีบประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น
ซึ่งฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงมหาดไทยได้แก้กฎหมายการครอบครองปืนแล้ว ทั้งนี้ อีกสองสัปดาห์จะเป็นช่วงเวลาของการเปิดวีซ่าจีน ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อการท่องเที่ยวให้มากขึ้น
ด้านการต่างประเทศ นายกฯ กล่าวว่าไทย-จีนมีความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งจากการพูดคุยหารือ นักลงทุนประเทศจีนมีความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ขอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงานให้เกิดความร่วมมือ นำนักลงทุนมาลงทุนในประเทศไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
“นอกจากนี้ นายกฯ ขอให้พิจารณาการเสริมสร้างความร่วมมือและแก้ไขปัญหาอุปสรรคของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทั้งทางบก ราง เรือ และอากาศ พร้อมทั้งปรับปรุงระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศให้มีความเป็นสากล” ชัยกล่าว