วันนี้ (5 มกราคม) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด หลังจากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการ ภาคธุรกิจ เอกชนกลับมาเปิดดำเนินปกติ เพื่อเตรียมแนวทางการป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ต่างๆ ให้ทันสถานการณ์ พร้อมนำเข้าพิจารณาเพื่อปรับมาตรการในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) วันที่ 7 มกราคมนี้
โดยในวันนี้พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 3,899 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวัง 3,648 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 14 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 68 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 169 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 19 ราย ผู้ที่กำลังรักษาตัว 34,877 ราย และมียอดผู้ที่หายป่วยกลับบ้านแล้ว 2,508 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 จำนวน 2,210,612 ราย จำนวนผู้ที่หายป่วยสะสมจำนวน 2,155,403 ราย ขณะที่สรุปผลการให้บริการฉีดวัคซีนโควิดสะสม ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 – 4 มกราคม 2565 อยู่ที่ 105,012,701 โดส ใน 77 จังหวัด โดยแบ่งเป็น จำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 51,314,397 ราย ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 สะสม 46,282,489 ราย ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 สะสม 7,152,002 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 สะสม 263,813 ราย
ธนกรกล่าวว่า รัฐบาลจะทำการประเมินสถานการณ์การติดเชื้อระลอกหลังปีใหม่เป็นเวลาประมาณ 4 สัปดาห์ โดยสองสัปดาห์แรกจะประเมินสถานการณ์จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อ ส่วนสองสัปดาห์หลังจะประเมินผู้ป่วยอาการหนักและอัตราการเสียชีวิต ก่อนตัดสินใจปรับมาตรการต่างๆ ขอความร่วมมือประชาชน สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง สตรีมีครรภ์ ติดต่อขอรับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด หรือหากเคยฉีดแล้วก็ควรติดต่อขอฉีดเข็มกระตุ้น เนื่องจากวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานต่อเชื้อโควิด สามารถลดการป่วยหนักและอัตราการเสียชีวิตได้
ธนกรกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงจะติดเชื้อ หรือเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงตามที่ประกาศไว้ ขอให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการเฝ้าระวังตนเอง กักตัว และควรเข้าตรวจสอบหาเชื้อโควิดทันที ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น และลดอัตราการป่วยหนักของตนเอง
“นายกรัฐมนตรีย้ำ ภายหลังเทศกาลปีใหม่ขอความร่วมมือประชาชนให้ความสำคัญกับการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ตรวจคัดกรองตนเองด้วย ATK และ Work from Home เป็นเวลา 14 วัน หากจำเป็นต้องเริ่มปฏิบัติงานทันทีขอให้ตรวจ ATK ก่อนเข้าทำงาน และควรตรวจซ้ำทุก 3 วันเพื่อเฝ้าระวังอาการ งดการรวมกลุ่มพูดคุย/รับประทานอาหาร เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อออกภายนอก สำหรับรัฐบาลจะคอยติดตามสถานการณ์เพื่อประเมินปรับใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไป” ธนกรกล่าวในที่สุด