วันนี้ (29 เมษายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 2/2568 โดย ครม. สวมชุดสีโคตรบูรณ์ ซึ่งเป็นชุดพื้นเมืองประจำจังหวัดนครพนม ทอโดยกลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ เป็นผ้าไหมย้อมจากครามและครั่ง ตกแต่งด้วยผ้าไหมมัดหมี่ลายขอก่ายแก้ว จากโครงการนาหว้าโมเดล
ก่อนการประชุมนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ที่นำมาจัดแสดง พร้อมรับมอบและอุดหนุนกระเป๋าจักสาน และสินค้าชุมชนต่างๆ
จากนั้นได้ชมการแสดงดนตรีพื้นบ้าน ชุมชนวิถีบ้านท่าเรือ อำเภอนาหว้า โดยทางกลุ่มได้มอบแคนให้กับนายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก ก่อนรับฟังโครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม ถ่ายภาพร่วมกับ ครม. และเริ่มการประชุม ในเวลา 10.30 น.
นายกรัฐมนตรีกล่าวก่อนการประชุมถึงการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-กัมพูชาว่า มีการพูดคุยถึงความร่วมมือในหลายเรื่อง นอกจากนี้ไทยและกัมพูชาจะมีการประชุม ครม. ร่วม 2 ชาติที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาระหว่างชายแดน คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของทั้ง 2 ประเทศ
นอกจากนี้ในการหารือกับกัมพูชายังได้พูดถึงกรอบความร่วมมือในภูมิภาค โดยเฉพาะนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้นำหลายประเทศในอาเซียนได้หารือกันในเรื่องนี้และมีความเห็นตรงกันว่าควรร่วมมือกันในการเจรจาต่อรองโดยใช้จุดแข็งของแต่ละประเทศ และรวบรวมมาตรการที่จะเป็นจุดแข็งของอาเซียนเพื่อที่จะใช้ในการเจรจาต่อรองต่อไป
ขณะที่การบริหารจัดการน้ำของจังหวัดสกลนครและนครพนม จากการลงพื้นที่เมื่อวานพบว่าต้องมีการบูรณาการให้เป็นแผน เป็นระบบหลายโครงการที่เกิดขึ้นมีการอนุมัติแล้วตั้งแต่ปี 2563 แต่ก็ยังดำเนินการได้ช้า ขอให้เร่งทำเนื่องจากงบประมาณได้อนุมัติไป
นายกรัฐมนตรียังได้เร่งรัฐให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้ประชาชนจังหวัดนครพนมและจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสานไม่ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งต่อไป
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ มีวาระสำคัญในการพิจารณา โดยจังหวัดนครพนมเตรียมเสนอแผนพัฒนาจังหวัดต่อที่ประชุม ครม. ทั้งการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว, โครงสร้างพื้นฐาน, เพิ่มขีดความสามารถด้านการค้า การลงทุน การบริการและโลจิสติกส์ รวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติด, การตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม และผลักดันเทศกาลไหลเรือไฟให้เป็นเทศกาลไหลเรือไฟโลก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
ขณะที่คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) เสนอเพื่อขอรับการจัดสรรงบกลาง วงเงิน 400 ล้านบาท แยกเป็นโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด 200 ล้านบาท และโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชนอีก 200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นโครงการเชิงนโยบายที่ภาคเอกชนในพื้นที่เสนอขอรับการเห็นชอบในหลักการแต่ยังไม่ได้รับงบประมาณ จำนวน 21 โครงการ วงเงิน 16,000 ล้านบาท ซึ่งขั้นตอนจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการและเสนอเข้ามาตามขั้นตอนอีกครั้ง
กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในกลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) ครอบคลุมทั้งทางอากาศ ทางถนน และทางราง เพื่ออำนวย ความสะดวกในการเดินทางและการขนส่งอย่างครบวงจร