วันนี้ (7 ตุลาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือในเรื่องความปลอดภัยทางถนน ว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม เป็นเหตุการณ์ที่น่าสลดใจ ทำให้รัฐบาลต้องกลับมามองกรอบทุกอย่างอีกครั้ง และอยากให้มีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทางถนน รวมทั้งเรื่องกฎหมายที่ไม่ทันสมัย เพื่อเป็นแนวทางการบังคับใช้ เช่น แนะนำทางออกของรถโดยสารเหมือนเครื่องบิน แนะนำการใช้อุปกรณ์ในการป้องกัน พร้อมยกตัวอย่างคลิปในโซเชียลที่มีการนำเสนอเรื่องการบอกประตูทางออก อยากให้ทุกคนได้ลองศึกษาและดูตัวอย่างที่ประชาชนทำมาก็ถือว่าได้ประโยชน์
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า เราจะมีโครงการร่วมกับ UN Special Envoy for Road Safety ที่มี Jean Todt เป็นประธาน โดยจะเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกันในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วโลกได้เห็นถึงการคมนาคม การใช้รถใช้ถนน ระบบความปลอดภัยต่างๆ และสิ่งที่อยากให้เกิดคือการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน หลังจากนี้เราจะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อให้มีความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ
ขณะเดียวกันที่ประชุมเห็นชอบการดำเนินการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนภายใน 15 วัน โดยการตั้งคณะกรรมการฯ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบสภาพรถโดยสารสาธารณะที่ติดตั้งแก๊ส NGV ซึ่งจากข้อมูลมีทั้งหมด 13,426 คัน ประกอบด้วย รถบัสรับเหมา จำนวน 1,336 คัน, รถรับจ้างประจำทาง จำนวน 5,967 คัน และรถตู้/รถมินิบัส จำนวน 6,123 คัน หากตรวจสอบพบสภาพไม่พร้อมใช้งานให้ยกเลิกการใช้รถอย่างเด็ดขาด หากคันไหนตรวจสภาพแล้วพร้อมใช้งาน ให้ออกหนังสือรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการตรวจสอบต้องตรวจสอบอย่างละเอียด คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ
“ขอให้ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ขอให้เร่งดำเนินการตรวจสอบสภาพรถเพื่อสร้างความมั่นใจต่อประชาชน และสร้างความปลอดภัยต่อการใช้รถ” นายกรัฐมนตรีกล่าว