วันนี้ (17 มีนาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ระบุว่า อีกหนึ่งเรื่องที่รัฐบาลติดตามและให้ความสำคัญมาโดยตลอด คือเรื่องตลาดหุ้นไทย โดยวันนี้เชิญ พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต., อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ และ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI เข้ามาพูดคุยติดตามเรื่องสถานการณ์ในตลาดหุ้น และคดีทางการเงินที่เป็นปัญหา
โดยเน้นย้ำ 4 เรื่องสำคัญ
- กำชับและติดตามคดีที่มีผลกระทบต่อผู้คนเป็นจำนวนมากและกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเร่งรัดติดตามให้คดีมีความคืบหน้าโดยเร็ว
- แก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันการกระทำผิดในตลาดหุ้น โดยปรับปรุงกฎเกณฑ์ ยกระดับไม่ให้มีการกระทำแบบนี้เกิดขึ้นอีก เช่น ปรับปรุงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์
- กำชับถึงข้อกำหนดที่จะจัดการเรื่อง Free Float ลงโทษบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ทำผิดหลักเกณฑ์ได้โดยการให้ออกจากตลาด
- เน้นย้ำให้มีการใช้กฎหมายครบทุกมิติ เพื่อฟื้นความมั่นใจอย่างเร่งด่วนและเป็นธรรม
เรื่องนี้ถือเป็นภารกิจของรัฐบาลในการสร้างความเชื่อถือและเชื่อมั่น (Trust and Confidence) ในด้านการใช้กฎหมายเพื่อให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย ให้ตลาดหุ้นไทยแข่งขันได้ในเวทีสากล
บรรยากาศการร่วมหารือระหว่างนายกรัฐมนตรี ร่วมกับเลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต., กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ และอธิบดี DSI เพื่อติดตามเรื่องสถานการณ์ในตลาดหุ้น และคดีทางการเงินที่เป็นปัญหา
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ติดตามความคืบหน้าคดีที่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจและส่งผลต่อคนจำนวนมาก เช่น บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK รวมทั้งติดตามมาตรการในการสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้น และกำชับให้มีการดำเนินการอย่างเคร่งครัดกับบริษัทจดทะเบียนที่ปฏิบัติไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่น การกระจายการถือหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float)
ด้าน พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า ในช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต. มีการปรับกระบวนการทำงานภายในให้กระชับและรวดเร็วขึ้น ซึ่งเห็นผลเป็นรูปธรรมว่ามีการดำเนินการที่รวดเร็วขึ้น เช่น ตั้งแต่ต้นปี 2568 บังคับใช้กฎหมายจำนวน 15 กรณี โดยมีผู้กระทำผิดประมาณ 40 ราย สำหรับระยะเวลาในการดำเนินการโดยเฉลี่ยสั้นลง และบางกรณีใช้เวลาน้อยกว่า 1 ปี
นอกจากนี้ ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการดำเนินมาตรการกำกับดูแลการซื้อขายในตลาดหุ้นให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส รวมทั้ง ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงหลักเกณฑ์การรายงานข้อมูลของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนกรณีนำหุ้นไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในธุรกรรมต่างๆ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายหลักทรัพย์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนไทยให้เข้มแข็ง