วันนี้ (29 มีนาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประธานการประชุมติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวและมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ว่า จากเหตุแผ่นดินไหววานนี้ มี 1 อาคารถล่มซึ่งเป็นอาคารกำลังก่อสร้าง ส่วนอาคารอื่นๆ ไม่มีผลกระทบที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งอาคารในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีมาตรฐานที่รองรับแผ่นดินไหวตามกฎข้อบังคับ ขณะเดียวกันได้เร่งให้ทางกรมโยธาธิการและผังเมือง ตรวจสอบสาเหตุอาคารที่ถล่ม และหามาตรการรับมือ การแก้ไขในอนาคต โดยให้กลับมารายงานผลใน 1 สัปดาห์ข้างหน้า ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าแรงสั่นสะเทือนจะมีขนาดน้อยลงเรื่อยๆ
นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลจะเยียวยาและดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกอย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหว เพราะไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย หรือเกิดขึ้นเป็นประจำในประเทศไทย รัฐบาลจะใช้ทุกสรรพกำลังที่จะดูแลประชาชน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และได้รับการเยียวยาให้ได้โดยเร็ว ขอให้รอสำรวจความเสียหายของประชาชนที่ได้รับผลกระทบก่อน จึงจะสามารถออกมาเป็นมาตรการได้
วันนี้ได้มีการพูดคุยกับทุกภาคส่วน โดยกรุงเทพมหานครจะเป็นการดูแลส่วนหน้าในที่เกิดเหตุ ขณะนี้มีกองบัญชาการและป้องกันสาธารณภัยแห่งชาติ กำกับดูแลโดย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานกันอย่างหนัก ซึ่งในที่เกิดเหตุอาคารถล่มมีวัสดุก่อสร้างค่อนข้างอันตรายและมีเครื่องมือหนักในพื้นที่จำนวนมาก จึงขอให้รอทางกรุงเทพฯ จัดโซนตรงนี้ให้ดี แล้วบอกกับประชาชนว่าพื้นที่ส่วนใดสามารถเข้าไปได้หรือไม่ได้ เพราะเป็นเขตอันตราย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวย้ำว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศไทยตอนนี้สงบลงแล้ว และจะมีการตรวจอาคารต่างๆ ซึ่งมีผู้ดูแลสามารถแจ้งพนักงานที่อยู่ในอาคารว่าสามารถกลับเข้าไปทำงาน และผู้ที่อยู่ภายนอกสามารถกลับเข้าสู่ที่พักอาศัยของตัวเองได้ ส่วนผู้ที่อยู่ในตึกสูงขอให้รอการตรวจสอบว่าตึกปลอดภัยก่อนกลับเข้าไป
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลวชิระ เพื่อเยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ก่อนจะเดินทางไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสนามไชย ตรวจความเรียบร้อย และเดินทางต่อไปยังสวนลุมพินี รับฟังการรายงานผลกระทบเหตุแผ่นดินไหวจาก ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีกครั้ง