×

นายกฯ รับสงสาร รมต. ทำงานชะงัก หลังโดนกระแสปรับ ครม. เชื่อตรวจสอบคุณสมบัติพีระพันธุ์เข้ม ไม่ซ้ำรอยเศรษฐา

โดย THE STANDARD TEAM
29.04.2025
  • LOADING...
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ยืนยันไม่มีการปรับ ครม. และแสดงความเป็นห่วงการทำงานของรัฐมนตรีที่ชะงักเพราะข่าวลือ

วันนี้ (29 เมษายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงอาการป่วยว่ามีอาการดีขึ้นแล้วหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบก่อนว่า “หายดีแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ ตอบก่อนได้แค่นี้ ไม่แน่ใจตัวเอง”

 

นายกรัฐมนตรียังพูดถึงกรณีที่ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ถูกยื่นตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นเหตุการณ์ที่ซ้ำรอยกับสมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ว่า ความจริงแล้วเรามีกระบวนการในการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มข้น โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวว่าจะต้องไม่มีคุณลักษณะต้องห้าม ซึ่งเรื่องนี้ก็ผ่านมาแล้ว และต้องอาศัยหลายหน่วยงานในการตรวจสอบ เพราะรัฐมนตรีทุกคนรวมไปถึงตนเองก็ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบมาเช่นเดียวกัน

 

รวมถึงเรื่องบัญชีทรัพย์สินก็ถูกตรวจสอบและผ่านกันมาหมด ซึ่งตอนนี้ตนยังไม่ได้พูดคุยกับพีระพันธุ์ และวันนี้พีระพันธุ์ก็ลาการประชุม ครม. พอดี แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะพีระพันธุ์ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าการจะผ่านเข้ามาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องถูกตรวจสอบเข้มข้น หลังจากเกิดเหตุการณ์ของเศรษฐา

 

ส่วนได้มีการย้ำใน ครม. ให้เกิดความชัดเจนหรือไม่ว่าจะมีการปรับหรือไม่ปรับ เพื่อลดกระแสข่าวลือ หลังมีรัฐมนตรีบางคนตัดพ้อว่าการทำงานสะดุด นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เซอร์ไพรส์มากกับข่าวการปรับ ครม. ก่อนทำมือไปที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมระบุว่า อย่างท่านบิ๊กอ้วนของเราก็โดนย้ายกระทรวง ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องแบบนั้นยังไม่ได้เกิดขึ้นในกระบวนความคิดของตนเลย จึงเกิดคำถามว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และไม่ทราบว่าตรงไหนที่ทำให้เกิดข่าวนี้ขึ้นมา 

 

“น่าสงสารทุกคนที่ยังไม่ทันพูดว่าจะปรับเลย กลับกลายเป็นการทำให้ถูกโฮลด์ และดิฉันเองก็ไม่อยากที่จะไปพูดอะไร เพราะเคยบอกไปแล้วว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีการย้ายกระทรวงใครหรืออะไรทั้งสิ้น ก็ขอให้ทำงานกันเต็มที่”

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ตนก็ต้องพึ่งพา ครม. ทุกท่าน เพราะทุกคนมีกระทรวงอันใหญ่หลวง ดังนั้นจึงขอสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนให้กำลังใจ ครม. ชุดนี้ด้วย เพราะเจอวิกฤตที่ไม่ใช่วิกฤตธรรมดา แต่เป็นวิกฤตโลก

 

นายกรัฐมนตรียังย้ำว่าไม่มีการปรับ ครม. ก่อนจะพูดติดตลกว่า เรื่องอนาคตต้องถามหมอดูก่อน และพูดกับภูมิธรรมว่า ขณะนี้ถูกย้ายไปกระทรวงพาณิชย์ แล้วมีกระทรวงอะไรบ้าง ภูมิธรรมจึงตอบกลับว่า มีชื่อไปกระทรวงมหาดไทย ทำให้นายกรัฐมนตรีขำและร้องโอ๊ย ก่อนจะขอบคุณสื่อมวลชน

 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีการเผยผลสำรวจร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. หรือร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะไม่ผ่านการพิจารณาของสภาว่า จากที่ตนสั่งการให้ สส. พรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะมีหลายส่วนที่ต้องทำความเข้าใจ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นสิ่งใหม่ของประเทศเรา ต้องบอกให้ประชาชนทราบว่าเป็นการลงทุนจากภาคเอกชน ต่างชาติ เมื่อกลไกมาอย่างนี้เราสามารถเก็บภาษีได้ ถือว่าเป็นประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับ 

 

ส่วนจะผ่านหรือไม่ผ่านเป็นเรื่องของสภาที่จะไปพูดคุยกัน สส. จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่ามีอะไรที่เข้าใจผิดหรือไม่ หรือมีอะไรที่ยังไม่ชัดเจนหรือไม่ สส. ทุกพรรคต้องมีหน้าที่ไปอธิบาย พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอยู่แล้ว จะต้องดำเนินการทำความเข้าใจต่อไป และรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน ทั้งนี้ ได้มีการกำชับและพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคด้วย

 

เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีการประกาศกลางสภาของ สส. บางคน จะถือว่าเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจะหยิบยกนำมาโจมตี และทำให้สะดุด ไม่สามารถเดินต่อได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ยังมีเวลาก่อนเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็จะทำให้ดีที่สุดในเรื่องนี้ ซึ่งสิ่งที่โดนแถลงทั้งหมดต่อรัฐสภา คิดว่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับประเทศ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าที่จะตั้งต้นเรื่องนี้ขึ้นมา 

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นายกฯ ต้องหันไปถามหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่าได้เคลียร์กันภายในพรรคแล้วหรือไม่ แพทองธารจึงถามกลับว่า “ให้ส่งไมค์ให้กับพรรคภูมิใจไทยเลยหรือไม่ ก่อนจะผลักไมค์ไปที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ด้านอนุทินออกตัวว่าจะให้สัมภาษณ์ภายหลังนายกฯ แถลงจบ

 

นายกรัฐมนตรีจึงกล่าวต่อว่า จริงๆ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว คุยกับอนุทินแล้ว และทราบดีว่าเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาร่วมกัน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising