×

เอกนิติ ยืนยัน ‘คนละครึ่ง พลัส’ เฟส 2 มาแน่ เงินเข้าม.ค.นี้ พร้อมลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่

18.11.2025
  • LOADING...
เอกนิติ ยืนยัน ‘คนละครึ่ง พลัส’ เฟส 2 มาแน่ เงินเข้า ม.ค. นี้ พร้อมลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่

ดร.เอกนิติ รมว.คลัง ยืนยัน ‘คนละครึ่ง พลัส’ เฟส 2 มาแน่ มกราคมนี้ ควบคู่เปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ โยนคดีภาษีหุ้น ‘ชินคอร์ป’ ให้สรรพากร พิจารณารายละเอียดคำพิพากษา ชูกรอบ MTFF เสริมความมั่นคงการคลัง

 

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า รัฐบาลจะดำเนินโครงการ ‘คนละครึ่ง พลัส’ เฟส 2 อย่างแน่นอน ควบคู่ไปกับการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ โดยยืนยันว่า จะมีเงินเข้าภายในเดือนมกราคม 2569 ที่จะถึงนี้

 

ดร.เอกนิติ เผยว่า ระหว่างนี้ ‘โครงการคนละครึ่ง พลัส’ เฟส 2 กำลังอยู่ในขั้นตอนออกแบบโครงการร่วมกับสำนักงบประมาณ และปลัดกระทรวงการคลัง โดยจะนำข้อดีและข้อเสียของโครงการในเฟส 1 มาทบทวนและปรับปรุงแก้ไข พร้อมย้ำว่า ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการ ‘คนละครึ่ง พลัส’ ได้

 

สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในโครงการ ‘คนละครึ่ง พลัส’ เฟส 2 ดร.เอกนิติ คาดว่าจะใช้แหล่งเงินจากงบกลาง โดยจะเป็นจำนวนเงินเท่าไรนั้น ดร.เอกนิติ ชี้ว่าขึ้นอยู่กับการออกแบบโครงการ

 

Upskill ร้านค้า ช่วยกู้ออมสินได้ ไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย

 

ดร.เอกนิติ เผยว่า วันนี้มีการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือ เรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการคนละครึ่งพลัส คือ การเพิ่มทักษะให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส

 

โดยจะเพิ่มทักษะให้พ่อค้าแม่ค้าที่เข้าร่วมโครงการ 3 ด้าน ได้แก่
1. ทักษะด้านการขาย ขายยังไงให้ปัง และขายผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อทำให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น
2. ทักษะด้านการเงิน สอนให้ดูทักษะด้านต้นทุนการเงินและการตั้งราคาการขายเพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น
3. ทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการขาย เพื่อช่วยลดต้นทุน

 

“ผลตอบรับร้านค้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสดีมาก ล่าสุดมีกว่า 950,000 ร้านค้า ซึ่งอยากให้ผู้ขายพัฒนาทักษะทั้ง 3 ด้านที่กล่าวมา เพื่อให้ขายของให้ปัง ทำยังไงให้ต้นทุนถูกลง และกำไรได้เยอะขึ้น” ดร.เอกนิติกล่าว

 

ขณะเดียวกัน ยังมีเครื่องมือดิจิทัลให้พ่อค้าแม่ค้าใช้ฟรี 6 เดือน ทั้งระบบบัญชีและข้อมูลต่างๆ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าสามารถขอกู้เงินได้ผ่านธนาคารออมสิน โดยต้องไปเรียนรู้การทำบัญชี และสามารถขอกู้เงินผ่านธนาคารออมสินได้ รายละไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อจะได้ไม่ไปกู้นอกระบบ

 

ปลัดคลัง ย้ำ Top Up ร้านค้า 4 แสนสิทธิ์เท่านั้น

 

ทั้งนี้ ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังย้ำว่า สำหรับโครงการเพิ่มทักษะร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ‘คนละครึ่ง พลัส’ เฟส 1 ซึ่งรัฐบาลจะมอบเงินสนับสนุน (Top Up) ให้อีก 20% ของยอดขาย เป็นงบประมาณไม่เกิน 800 ล้านบาท สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อร้านค้า จะเป็นการให้สิทธิ์แบบมาก่อนได้ก่อน (First Come First Serve) เท่านั้น

 

โดยร้านค้าสามารถเข้าร่วมโครงการพัฒนาได้ตามความสนใจ ภายในวันที่ 19 พฤศจิกายน ถึง 19 ธันวาคม ดังนี้

 

1) เลือกสมัครเข้าร่วม Food Delivery Platform ได้แก่ Grab, Lineman, Robinhood, และ ShopeeFood ผ่านการผูกร้านค้าบนแอป ‘ถุงเงิน’ โดยร้านค้าจะต้องไม่เคยสมัครเข้าร่วมเป็นร้านค้าของ Food Delivery Platform รายนั้นๆ มาก่อนวันที่ 19 พฤศจิกายน

 

โดยร้านค้าต้องมีคำสั่งซื้อที่ใช้สิทธิผ่านโครงการ ‘คนละครึ่ง พลัส’ อย่างน้อย 5 รายการ ภายในวันที่ 19 ธันวาคม จึงจะถือว่าดำเนินการพัฒนาทักษะสำเร็จ

 

2) เข้าร่วมผ่านการอบรมทักษะออนไลน์กับธนาคารออมสิน โดยสมัครและเรียนหลักสูตรพัฒนาความรู้ทางการเงินผ่าน www.gsb.or.th ระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน ถึง 19 ธันวาคม 2568

 

3) พัฒนาทักษะผ่านการอบรมออนไลน์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) โดยเรียนรู้หลักสูตร DBD Academy ผ่าน https://dbdacademy.dbd.go.th/ ในระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568

 

โดยกระทรวงการคลังจะประกาศผลผู้ได้รับสิทธิในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ผ่านข้อความบนแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” และข้อความสั้น (Short Message Service: SMS) และโอนเงินสนับสนุนให้แก่ร้านค้าผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ผูกกับแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ในวันที่ 25 ธันวาคม 25

 

ภาษีหุ้น ‘ชินคอร์ป’ รอสรรพากร พิจารณารายละเอียดคำพิพากษา

 

เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ศาลฎีกา กลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีภาษีการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาทของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

 

ด้าน ดร.เอกนิติ กล่าวว่า “ตอนนี้ได้มอบให้กรมสรรพากรพิจารณารายละเอียด ต้องรอให้สรรพากรดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งเป็นกระบวนการปกติของคำพิพากษา”

 

ชูกรอบ MTFF เสริมความมั่นคงการคลัง

 

สำหรับกรอบการคลังระยะปานกลาง (Medium Term Fiscal Framework) ดร.เอกนิติ ชี้ว่าเป็นหนึ่งใน ‘ฐานราก’ ของนโยบาย ‘Quick Big Win’ คือ การเสริมสร้างความมั่นคงทางการคลัง ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการคลัง ประกอบด้วย 4 หน่วยงานทางเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ (สงป.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ตกลงกันว่า จะทำแผนให้ชัดเจนใน 3 เรื่อง ดังนี้

 

  • กำหนดแนวทางบริหารการคลังอย่างเป็นรูปธรรม เช่น เพิ่มเกณฑ์รายได้ จาก 14.8% เป็นไม่ต่ำกว่า 15.1% ของ GDP และลดรายจ่ายจาก 19% เป็นไม่เกิน 18% ต่อ GDP
  • กำหนดกฎการคลังให้เข้มงวดขึ้น เช่น ตั้งงบกลางไม่เกิน 3% ของงบประมาณ, กำหนดให้ชำระหนี้ไม่ต่ำกว่า 4% ของงบประมาณรายจ่าย, ของบผูกพันระหว่างปีได้ไม่เกิน 5% ของวงเงินงบประมาณ
  • การใช้นโยบายกึ่งการคลัง ผ่านมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ซึ่ง ที่ประชุม ครม.มอบให้ คณะกรรมการนโยบายการคลัง หารือเพื่อกำหนดรายละเอียดแนวทางให้ชัดเจนมากขึ้น จากเดิมที่ทำเพียงแค่กำหนดเพดานไว้ 32% ของงบประมาณ

 

นอกจากนี้ รัฐบาลจะใช้ ‘เครื่องมือทางการคลังที่ไม่ก่อหนี้สาธารณะ’ เพื่อสนับสนุนการลงทุน ผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund: TFF) และ โครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) เพื่อเพิ่มงบลงทุนของประเทศโดยไม่เป็นหนี้สาธารณะ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising