“เป้าหมายสูงสุดของผมตอนนี้คือช่วยทีมคาราเต้ไทยคว้า 2 เหรียญทองซีเกมส์ที่ประเทศไทยให้ได้ครับ ถ้าทำสำเร็จ ผมว่าผมคงดีใจมากกว่าตอนได้แชมป์เอเชียอีก” นักกีฬาคาราเต้ทีมชาติไทยวัย 23 ปี เปิดใจถึงเป้าหมายในซีเกมส์หนนี้กับ THE STANDARD SPORT
กล้า-ศิวกร หมึกทอง เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการคาราเต้ในเมืองไทย จากผลงานเมื่อกลางปี 2025 ที่ผ่านมา เจ้าตัวพลิกล็อกเอาชนะมือ 1 ของโลกจากญี่ปุ่นได้ในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมกับคว้าเหรียญทองศึกชิงแชมป์เอเชีย 2025 ได้เป็นครั้งแรก นับเป็นความสำเร็จบนเวทีระดับทวีปครั้งแรกในรอบ 60 ปี นับตั้งแต่กีฬาชนิดได้ก่อตั้งเป็นสมาคมกีฬาคาราเต้แห่งประเทศไทย
เรียนรู้จากความพ่ายแพ้ ฉบับ กล้า-ศิวกร
“กว่าผมจะมีวันนี้ได้ เส้นทางของผม ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด” กล้า-ศิวกร เปิดใจเล่าถึงความล้มเหลวในช่วงเริ่มต้นของการเป็นนักกีฬา
“ช่วงแรกๆ ผมแพ้มาตลอดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นมหกรรมกีฬาในประเทศหรือต่างประเทศ ทุกครั้งผมทำได้แค่นั่งมองคนอื่นเอาเหรียญรางวัลห้อยคอกลับบ้าน ส่วนผมทำได้แค่เอาข้อผิดพลาดกลับไปแก้ไข”
“พอได้มาเป็นตัวแทนเยาวชนทีมชาติใหม่ๆ มีไปแข่งรายการระดับนานาชาติเยอะพอสมควร แต่ก็แทบไม่ได้เหรียญรางวัลกลับมาเลย เมื่อเทียบกับเพื่อนในรุ่นเดียวกัน ผมประสบความสำเร็จน้อยครั้งมาก แต่เพราะตอนนั้นผมมีเป้าหมาย อยากไปโอลิมปิก ก็เลยพยายามมาตลอด”
อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่พ่ายแพ้ เขาไม่เคยปล่อยให้ความผิดหวังเกิดขึ้นอย่างสูญเปล่า เขาพยายามค้นหาเคล็ดลับของกีฬาคาราเต้มาตลอด ผ่านการสังเกตจากนักกีฬาคนอื่นๆ รวมถึงการฝึกฝนตนเองอย่างหนัก และเปิดใจรับฟังทุกคำสอนจากคนรอบด้าน
“เวลาไปแข่งผมจะชอบนั่งดูนักกีฬาหลายๆ รุ่น ดูว่าแต่ละคนเขามีความคิดยังไง วางแผนการเล่นกันยังไง คนที่เป็นแชมป์บางคน เขาไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงกว่าคู่แข่งเลย แต่ยังเป็นแชมป์ได้ ผมก็พยายามสังเกตและเรียนรู้จากตรงนี้ เพื่อนำมาปรับใช้”
ในที่สุดเขาก็ค้นพบจนได้ว่าแก่นแท้ของกีฬาคาราเต้นั้นคืออะไร
“คาราเต้เป็นกีฬาต่อสู้ที่ต้องปะทะกันก็จริง แต่สิ่งสำคัญกว่าเรื่องของพละกำลัง ก็คือการใช้สมอง การวางแผน หรือกลยุทธ์มากกว่า”
“ความแข็งแรงไม่ได้การันตีว่าคุณจะเป็นผู้ชนะเสมอไป แต่คาราเต้วัดกันว่าใครวางแผนมาดีกว่า สมัยยังเป็นเด็ก ผมเข้าใจว่ากีฬาต่อสู้ จะต้องลุยใส่กันลูกเดียวเลย วัดกันที่พละกำลัง เอาความแข็งแรงเข้าสู้ ไม่ได้รู้จักเรื่องการวางแผนเลยสักนิด เจอคู่แข่งสไตล์นี้ควรจะออกอาวุธแบบไหนจึงจะให้ได้แต้ม ไม่เคยมีอยู่ในหัวผมเลย แต่เรียนรู้จากจุดนี้ได้ ความสำเร็จก็เริ่มเข้ามา”
ขอสร้างประวัติศาสตร์ซีเกมส์
ผมถาม กล้า-ศิวกร ว่าทำไมการได้ 2 เหรียญทองซีเกมส์ถึงรู้สึกดีกว่าตอนแชมป์เอเชีย เขาบอกกับเราแบบนี้ว่า “ชิงแชมป์เอเชียผมเคยได้เหรียญรางวัลมาแล้ว 2 ครั้ง สมัยเยาวชนได้เหรียญทองรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ส่วนรุ่นประชาชนก็เคยได้เหรียญเงินมาแล้วเมื่อปี 2024 รวมถึงเอเชียนเกมส์ ผมก็เคยได้เหรียญทองแดงมาแล้วปี 2022”
“ส่วนซีเกมส์ผมลงแข่งมาแล้ว 2 ครั้ง ยังไม่เคยได้เหรียญรางวัลเลยครับ ครั้งนี้ผมเตรียมตัวมาดีมาก อยู่ในช่วงกำลังพีกเลย ฟอร์มดี มีประสบการณ์ ก็คาดหวังและมั่นใจมากๆ ว่าจะคว้าเหรียญทองได้”
ซีเกมส์ 2025 กล้า-ศิวกร จะลงแข่งขัน 2 อีเวนต์ ประเภทต่อสู้บุคคลรุ่น 60 กก. และประเภทต่อสู้ทีมชาย โดยเจ้าตัวเล่าต่อว่า “ในประเภทบุคคลผมค่อนข้างมั่นใจมากกว่า 90% เลยว่าเหรียญทองน่าจะเป็นของผม แต่ที่ผมอยากทำให้ได้มากที่สุดเลยก็คือประเภททีมครับ”
“ประเภททีมมันมีความยากมากๆ เพราะเราไม่รู้เลยว่าคู่ต่อสู้ในสนามของเราจะเป็นใคร จะตัวเล็กกว่าหรือตัวใหญ่กว่า นอกจากนั้นก็ยังขึ้นอยู่กับผลงานของเพื่อนร่วมทีมด้วย ซึ่งที่ผ่านมาทีมไทยเคยได้เหรียญทองแค่ครั้งเดียวเมื่อปี 2013 ซึ่งพี่ๆ ในทีมชุดนั้นถูกยกย่องให้เป็นตำนาน 7 เซียนจากคนในวงการคาราเต้ เป็นทีมแรกและทีมเดียวมาจนถึงปัจจุบันที่ทำได้ และตอนนี้มันเป็นความฝันของผม เป็นมาตั้งแต่แข่งซีเกมส์ครั้งแรกแล้ว ผมอยากจะช่วยให้ทีมชายของเรากลับมาคว้าแชมป์ในอีเวนต์นี้ได้อีกครั้ง”
คู่แข่งสำคัญประเภทบุคคลและทีม
กล้า-ศิวกร หมึกทอง กำลังจะลงแข่งซีเกมส์เป็นหนที่ 3 ในชีวิต จะลงแข่งขันทั้งหมด 2 อีเวนต์ ประเภทบุคคล รุ่น 60 กก. ชาย กล้า-ศิวกร เป็นเต็ง 1 จากผลงานล่าสุดที่เพิ่งคว้าแชมป์ทวีปเอเชียมาได้เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ประกอบกับแชมป์เก่าในรุ่นนี้อย่าง Sureeya Sankar Hari Sankar จากมาเลเซีย ขยับน้ำหนักขึ้นไปแข่งในรุ่น 67 กก. อีกด้วย
ส่วนประเภทต่อสู้ทีมชาย แต่ละทีมจะส่งนักกีฬาลงแข่งทีมละ 5 คน คละรุ่นน้ำหนัก โดยมีตัวสำรอง 2 คน ความยากคือการจัดลำดับนักกีฬาลงแข่งขัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าคู่แข่งจัดลำดับนักกีฬาไว้แบบไหน
คู่แข่งที่น่ากลัวในประเภททีมมีทั้งหมด 2 ประเทศ เริ่มที่เวียดนามแชมป์เก่า นำทีมมาโดย ประเภททีม Võ Văn Hiền และ Chu Văn Đức 2 นักกีฬาจากทีมชุดแชมป์ซีเกมส์ที่ประเทศกัมพูชา โดยจุดเด่นของทีมเวียดนามอยู่ที่รูปร่างสูงใหญ่และเป็นนักกีฬาที่ชำนาญด้านแท็กติกการต่อสู้แบบประเภททีมมากกว่า
มาเลเซีย จุดเด่นอยู่ที่นักกีฬาแต่ละคนจะมีความคล่องตัวสูง และมีประสบการณ์ ทีมชุดนี้นำมาโดย 3 ผู้เล่นชุดรองแชมป์เก่าจากซีเกมส์ 2023 ประกอบด้วย Prem Kumar Selvam แชมป์เก่าประเภทบุคคลรุ่น 55 กก. , Sureeya Sankar Hari Sankar ดีกรีแชมป์ 2 รุ่นน้ำหนักในซีเกมส์ รุ่น 60 กก. กับ รุ่น 67 กก. และ Geerijaieswaran Pillai Sivanesan อีกหนึ่งขุมกำลังในชุดรองแชมป์ที่กัมพูชา ขณะเดียวกันทั้ง 3 คนนี้ก็ยังอยู่ในทีมชุดที่มาเลเซียคว้าเหรียญทองได้ในซีเกมส์ 2021 ที่ประเทศเวียดนามด้วยเช่นกัน
คาราเต้แข่งที่ไหน ชิงกี่เหรียญทอง
สำหรับกีฬาคาราเต้ในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ชิงชัย 15 เหรียญทอง แบ่งเป็นประเภทต่อสู้ 13 เหรียญทอง และ ประเภทท่ารำ 2 เหรียญทอง แข่งขันกันที่ หาดใหญ่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ ระหว่างวันที่ 11-14 ธันวาคมนี้
สมาคมกีฬาคาราเต้แห่งประเทศไทย ส่งนักกีฬาเข้าร่วมชิงชัยจำนวน 23 คน ดังนี้
ประเภทต่อสู้ชาย 9 คน ประกอบด้วย เศรษฐพงศ์ จันทร์เพ็ชร, ศิวกร หมึกทอง, วรกฤต จันทร์ช้าง, ทรงวุฒิ หมุนแทน, ธีรภัทร์ ขนาบแก้ว, ธีรวัฒน์ คลังทอง, ณัฎฐกฤต อินกลอย, มาร์ติน ฟานเดอะ แฮร์ตเท่น และ ธนภัทร วิงวอน
ประเภทต่อสู้หญิง 6 คน ประกอบด้วย ชัญญานุช ชีพเป็นสุข, สิริกมลเนตร โชคประเสริฐกุล, มณีวรรณ บุตรสุวรรณ, ญาณิศา ซ้อนทอง, เกวลิน ทรงกลิ่น และ เพ็ญพิสุทธิ์ น้ำขาว
ประเภทท่ารำชาย 4 คน ประกอบด้วย ณัฐวุฒิ ขนาบแก้ว, ภานุเดช ขนานเภา, อิงควัต วิชัยลักขณา และ พัชระ ยันตะพานิช
ประเภทท่ารำหญิง 4 คน ประกอบด้วย พัชรินทร์ เปล่งปลั่ง, มนสิชา สกุลรัตนธารา, ไอรินลดา ศรีอากาศไกรแสง และ รมิตา เตรณานนท์
สำหรับผลงานของทีมคาราเต้ไทยในซีเกมส์ 2023 ที่ประเทศกัมพูชา ทำได้ 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 5 เหรียญทองแดง ขณะที่เป้าหมายของพวกเขาในซีเกมส์ครั้งนี้ตั้งเป้าหมาย 5 เหรียญทอง ความหวังสูงสุดอยู่ที่ ธีรวัฒน์ คลังทอง กัปตันทีม เจ้าของ 3 เหรียญทองซีเกมส์และรองแชมป์เอเชีย 2025, ศิวกร หมึกทอง เจ้าของเหรียญทองชิงแชมป์เอเชีย 2025 และ เกวลิน ทรงกลิ่น เจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ 2023
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าภาพไปด้วยกัน ด้วยการติด Hashtag #เชียร์ไทยในบ้านเรา #SEAGAMES2025 #ซีเกมส์


