วันนี้ (14 ตุลาคม) เวลา 19.00 น. ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ปรากฏตัวที่บริเวณเวทีชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาล พร้อมให้กำลังใจและแสดงความชื่นชมแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 ระบุว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์สำคัญว่าแกนนำที่เป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชนคนหนุ่มสาว มีวุฒิภาวะเป็นอย่างมาก ซึ่งหลายคนคาดการณ์ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ว่าจะนำไปสู่ความรุนแรง แต่วันนี้ถึงได้พิสูจน์แล้วว่าได้วางแผนเป็นอย่างดี ในจุดใดที่เสี่ยงก็หลีกเลี่ยงเป็นอย่างดี ทำให้บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปด้วยดี
ปิยบุตรยังกล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า การทำหน้าที่ของตำรวจเมื่อวานนี้เป็นชนวนหนึ่งที่ทำให้วันนี้มีความรุ่มร้อนมากขึ้น ปิยบุตรยังตั้งข้อสังเกตถึงการตั้งป้อมสกัดของเจ้าหน้าที่ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ. การชุมนุม เลือกใช้วิธีการจับตัวไปก่อน แล้วค่อยไปดูกฎหมายว่ามีข้อหาอะไรบ้าง ถือเป็นความผิดซึ่งหน้า โดยวัตถุประสงค์เพื่อต้องการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อไม่ให้พูดหรือแสดงออกโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ เป็นการใช้กฎหมายที่บิดผัน
ขณะที่วันนี้ การที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ไผ่ ดาวดิน แสดงให้เห็นชัดเจนว่า วิธีคิดการใช้กระบวนการยุติธรรมที่ตั้งโจทย์ไว้แล้วเพื่อไม่ต้องการให้ทั้ง 21 คน เป็นแกนนำการชุมนุม
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าตนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมนั้นเป็นข้อกล่าวหาที่มีมานานแล้วตั้งแต่แฟลชม็อบ ส่วนตัวคิดว่าเป็นการดูถูกอนาคตของประเทศ ชุมนุมในวันนี้ไปไกลมากกว่าที่ตนและ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะอยู่เบื้องหลังได้ ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงก็ทราบดี
“วันนี้อย่าหลอกและโกหกตัวเองว่าพวกผมอยู่เบื้องหลังเพื่อปลอบประโลมใจพวกท่านว่าเป็นม็อบที่ไม่บริสุทธิ์ มีนักการเมืองสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง อยากให้มาพิสูจน์ความเป็นจริงมากกว่าว่าอนาคตของประเทศเขาเรียกร้องอะไร แทนที่จะมานั่งจับผิด และถือว่าเป็นความคิดที่ไม่สร้างสรรค์เพียงพอ” ปิยบุตรกล่าว
ปิยบุตรฝากไปถึงผู้มีอำนาจในการจับกุม 21 แกนนำ ว่าอยากให้ทำใจให้กว้าง ถ้ามั่นใจว่ารัฐบาลเข้มแข็ง อำนาจรัฐอยู่ในมือของคุณ แถมยังดูถูกนิสิต นักศึกษา แล้วจะกลัวอะไรกับคนไม่กี่คนที่มายืนพูดอย่างบริสุทธิ์ใจ เมื่อแสดงออกเสร็จก็กลับ แล้วนัดชุมนุมกันใหม่ เพราะหากยิ่งทำเช่นนี้ เหตุการณ์จะยิ่งบานปลาย จึงอยากให้เข้าใจความรู้สึกของประชาชน เพราะถนนทุกเส้นมาจากภาษีประชาชน เป็นพื้นที่สาธารณะ ถนนแห่งประชาธิปไตยทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้สอย
“ฝากไปถึง พล.อ. ประยุทธ์ ด้วยความจริงใจ อยู่มา 6 ปีแล้ว ต้องยอมรับว่าท่านมาจากการยึดอำนาจ การที่จะสืบทอดอำนาจต่อ คงไม่ใช่ พอได้แล้ว ไม่รู้ว่าท่านจะอยู่ไปอีกนานเพื่ออะไร ผมไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร แต่ถ้าท่านออกไปก่อน อย่างน้อยสถานการณ์ก็จะดีขึ้น ถ้านั่งขวางอยู่แบบนี้คิดเสมอว่าแบ็กดี แต่จะประจัญหน้า ขอให้เสียสละออกไปก่อน”