วันนี้ (15 มิถุนายน) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส. พรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม และ พ.ร.บ.คู่ชีวิต ของสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ว่าร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ถือเป็นเรื่องกฎหมายที่เดินทางมาอย่างยาวนานตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ เมื่อปี 2563 ซึ่งต้องใช้โอกาสนี้ขอบคุณพี่น้องประชาชน คณะทำงานต่างๆ ทั้งที่สภาผู้แทนราษฎร และของพรรคก้าวไกล ที่ร่วมผลักดันให้กฎหมายสมรสเท่าเทียมเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้
พิธากล่าวว่า ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ไม่ว่าผลการพิจารณาจะออกมาเป็นอย่างไร พรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะสู้ต่อไป ยังจะมีการทำงานต่อในชั้นกรรมาธิการ และรอฟังการอภิปรายในวันนี้ว่ามีรายละเอียดที่แตกต่างต่อร่างกฎหมายแต่ละฉบับอย่างไร
“ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าสู้ต่อไปในชั้นกรรมาธิการ เพื่อให้ได้มาซึ่งความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ” พิธากล่าว
ด้าน ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในสภาในวันนี้ ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเข้าชี้แจงต่อกรณีการไม่รับร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม 60 วันที่ตนเข้าร่วมให้ความเห็นในชั้นพิจารณาของ ครม. พบว่าทุกหน่วยงานที่เดินทางเข้าให้ความเห็นต่อร่างกฎหมายล้วนแต่เป็นเพศชาย แต่ทุกคนต่างเห็นด้วยกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม แต่ผู้ที่มีปัญหาคือกฤษฎีกา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับการทำงานกับคน เป็นหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวกับกฎหมายเท่านั้น จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทย ชินกับระบบจากบนลงล่าง แต่เวลาที่ต้องการสื่อสารจากข้างล่างขึ้นข้างบน มักจะมีปัญหาและไม่ถูกรับฟัง เป็นการสื่อสารแบบอำนาจนิยม
“อยากเรียกร้องสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน ถึงแม้ว่ามติ ครม. และวิปรัฐบาลจะไม่รับร่างสมรสเท่าเทียม แต่ ส.ส. ทุกท่านมีเอกสิทธิ์ ท่านรู้ดีว่าประชาชนต้องการอะไร เราไม่ได้ขอสิทธิ์ แต่เราขอคืนสิทธิ์ที่ท่านพรากเอาไป ส.ส. รู้ดีสิ่งที่ประชาชนต้องการที่สุดในขณะนี้คือ ส.ส. ที่ซื่อตรงและยึดมั่นในหน้าที่ของตนเอง นี่คือความหวังของประเทศ อย่าให้ประชาชนสิ้นศรัทธากับระบบกลไกรัฐสภา ยิ่งหากประชาชนสิ้นศรัทธา นั่นหมายถึงความมั่นคงของ ส.ส. ทุกท่านก็ไม่มีความหมาย วันนี้เราทำให้ ส.ส. ทุกคนมีความหมาย ทำงานเพื่อประชาชน” ธัญวัจน์กล่าว