วันนี้ (10 กรกฎาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ขอบคุณประชาชนในจังหวัดปทุมธานีว่า เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้มาขอบคุณประชาชน หลังชนะเลือกตั้ง 6 เขต จาก 7 เขต รวมคะแนนแล้วกว่า 330,000 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 75 ของชาวปทุมธานี และนับจากนี้เหลืออีก 3 วันที่จะถึงวันที่ 13 กรกฎาคม วันโหวตนายกฯ นั้น ยังมีเรื่องต่างๆ ที่ต้องคอยบริหารจัดการ จึงไม่มีอะไรที่เกินความคาดหมาย และพร้อมที่จะบริหารจัดการแก้ไขปัญหาทีละเรื่อง
พิธายังเปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีหนังสือเรียกชี้แจงกรณีหุ้น ITV จาก กกต. ทั้งที่พรรคก้าวไกลและที่บ้านพัก และทราบมาว่าไม่มีการเรียกไปชี้แจงโดยฉับพลันตามที่สอบถามมา ขณะเดียวกันทีมกฎหมายก็ได้เตรียมสแตนด์บาย และที่บ้านพักก็ให้คนคอยติดตาม หากมีหนังสือเรียกชี้แจงก็พร้อมที่จะไปชี้แจง
ส่วนกรณีมีข้อสังเกตว่าหาก กกต. จะมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่เปิดให้ชี้แจง จะถือว่ามีความเป็นธรรมหรือไม่นั้น พิธาระบุว่า ในทางปฏิบัติขัดต่อระเบียบ กกต. ก็เห็นสอดคล้องกับ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่บอกว่ามีการเร่งรัด จึงต้องเรียกร้องเรื่องความเป็นกลางและความเป็นธรรมของ กกต. พอสมควร
พิธาระบุว่า ยังไม่ได้ทราบรายละเอียดกรณีที่มีสมาชิกวุฒิสภามีแนวคิดที่จะเสนอญัตติให้เลื่อนวันโหวตนายกฯ ออกไป สาเหตุจากเรื่องการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความวินิจฉัยการถือหุ้น ITV โดยเห็นว่าในเรื่องนี้เป็นเรื่องวินิจฉัยของประธานรัฐสภา จึงไม่สามารถที่จะให้ความเห็นได้ ส่วนเรื่องวิธีการโหวตว่าจะโหวตตามรายชื่อของสมาชิกรัฐสภา 750 คน หรือจะแบ่งเป็นการโหวตของ ส.ส. 500 คน และ ส.ว. อีก 250 คน เป็นอำนาจของประธานรัฐสภา
ส่วนการประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันพรุ่งนี้จะเป็นการหารือเรื่องขั้นตอนการโหวตนายกฯ ส่วนจะราบรื่นหรือไม่นั้นก็อยู่ที่วิปจะสามารถดำเนินการได้ และคิดว่าไม่ใช่เป็นเรื่องของโชคชะตาฟ้าดินที่ทำให้การโหวตในวันดังกล่าวนั้นเป็นไปด้วยความราบรื่นผ่านฉลุยและเป็นไปตามที่คาดหวัง แต่เป็นเรื่องที่สำคัญของประชาชนที่จะมีผู้นำประเทศในช่วงที่ปัญหาต่างๆ กำลังถาโถมเข้ามา แต่ยอมรับว่าจะต้องสู้กับฟ้าฝนมากกว่าพึ่งฟ้าฝน เนื่องจากกำลังเผชิญกับปัญหาภัยแล้ง โดยในวันพรุ่งนี้จะไปหารือกับ GISTDA ด้วย
พิธายังปฏิเสธถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าการลงพื้นที่พบประชาชนแบบถี่ยิบ เนื่องจากยังไม่ได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ที่เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมกับชี้แจงว่า ไม่ได้ใช้ประชาชนเป็นเกราะกำบังหรือมาปกป้อง แต่ในทางกลับกัน ตนมีหน้าที่ขอบคุณประชาชน และปกป้องกว่า 25 ล้านเสียงของ 8 พรรคที่ได้มา โดยจะมายืนยันว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี และเชื่อว่าจะไม่มีใครโหวตสวน จึงมาช่วยหล่อเลี้ยงความหวังให้ประชาชนและรับฟังปัญหาไปในตัว เพราะการประชุม ครม. นัดแรกจะวนไปมาไม่ได้ แต่จะต้องทำงานทันที
และไม่มีการวัดเสียงในสภา-นอกสภา และชี้แจงว่าตั้งแต่เสร็จสิ้นการเลือกตั้งก็ได้ดำเนินการเช่นนี้มาโดยตลอด ไม่ฉะนั้นประชาชนจะน้อยใจ หลังได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์มาเป็นอันดับ 2
พิธายังกล่าวว่า ไม่มีเรื่องที่น่ากังวลหลังจากมีข้อมูลว่ามีการประเมินจากฝ่ายความมั่นคงว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 13 กรกฎาคม 14 กลุ่ม ซึ่งประธานรัฐสภาได้บริหารจัดการรองรับประชาชนได้นับ 1 หมื่นคน เชื่อว่าจะราบรื่นและเป็นไปด้วยดี และฝ่ายความมั่นคงจะดูแลเต็มที่ ไม่ให้มีการสร้างสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ เพราะส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยคือการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติ
นอกจากนี้ยังได้แสดงความพร้อมที่จะรับมือกับทุกปัญหาที่จะเข้ามา เตรียมพร้อมตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งจากการติดตามการเมืองก็ได้เห็นว่ามีบางเรื่องที่หาอ่านจากหนังสือไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง จึงได้ทำความเข้าใจกับความรู้สึกตัวเอง ก่อนจะแสดงความพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีสติและวุฒิภาวะ