วันนี้ (31 ตุลาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีมีผู้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งและศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย เนื่องจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมครอบงำและชี้นำพรรค
พิธามองว่ากระบวนการร้องเรียนควรต้องได้สัดส่วน ซึ่งไม่ควรนำมาใช้ในคำร้องการยื่นยุบพรรคการเมือง ส่วนที่ว่าทักษิณครอบงำพรรคหรือไม่ เป็นเรื่องภายในที่ตนเองไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่ในภาพใหญ่ไม่ควรให้พรรคการเมืองที่มาจากประชาชนต้องตายโดยองค์กรอิสระได้ เพราะจะเกิดคำถามว่าองค์กรอิสระมีที่มาจากไหน ความโปร่งใสและความรับผิดชอบเป็นอย่างไร
พิธาย้ำว่าง่ายที่สุดคือเรื่องนี้ต้องพิจารณาความเหมาะสมของสัดส่วนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับบทลงโทษ ถ้าพรรคถูกครอบงำจริง บทลงโทษก็ควรได้สัดส่วนตามระดับของความผิด ไม่ใช่ทุกเรื่องจะต้องถูกยุบพรรคหมด ซึ่งมองว่าไม่เป็นไปตามหลักการและสามัญสำนึก
“ขณะเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ปกปักรักษารัฐธรรมนูญ การเกิดรัฐประหาร ผมยังคิดว่าบทลงโทษควรจะหนักกว่าการครอบงำพรรค ทำไมคนทำรัฐประหารไม่เห็นมีโทษอะไรเลย” พิธากล่าว
ส่วนกรณีที่ อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เปิดเผยว่า กกต. มีระเบียบรวมข้อเท็จจริงและหลักฐานข้อ 7 วรรค 2 ระบุว่าจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องมารับทราบข้อเท็จจริง และมีโอกาสแสดงความคิดเห็น เสนอเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณานั้น เมื่อย้อนไปเทียบเคียงการพิจารณาคำร้องยุบพรรคก้าวไกล พรรคไม่มีโอกาสได้ชี้แจงตามระเบียบใหม่ที่ทำขึ้นหลังยุบพรรคอนาคตใหม่ ตอนนี้ระเบียบดังกล่าวเกิดขึ้นแล้ว พรรคเพื่อไทยควรมีโอกาสชี้แจง
“ถ้าได้โอกาสชี้แจงแล้วเรื่องจบที่ กกต. ไม่ถึงศาลรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยควรได้รับสิทธินั้น เพราะเป็นระเบียบที่ทุกพรรคการเมืองควรจะได้รับ อย่างที่ผมเคยอ่านถ้อยแถลงพรรคก้าวไกลว่าการพิจารณายุบพรรคไม่ควรมี 2 มาตรฐาน ไม่ควรมีการยุบพรรคแบบทางด่วน และไม่ควรมีการยุบพรรคแบบทางธรรมดา และการให้พรรคชี้แจงเป็นสิทธิ ไม่ไปผูกขาดอำนาจของ กกต.” พิธาระบุ
ส่วนสถานการณ์พรรคเพื่อไทยที่ถูกรุมเร้าด้วยปัญหา ทำให้วิเคราะห์กันว่าพรรคเพื่อไทยอาจชิงยุบสภาก่อนจะมีการยุบพรรค พิธากล่าวว่าเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีด้วย พร้อมมองว่าการเมืองย่อมเกิดขึ้นได้หมด ตนเองเคยคุยกับนักวิชาการต่างชาติว่าอายุรัฐบาลอยู่ได้ประมาณ 1 ปีครึ่งเท่านั้นถ้าไม่ใช่รัฐบาลที่เกิดจากเผด็จการ และตอนนี้อยู่ในห้วงเวลาที่เกิดขึ้นได้ และคิดว่าทุกพรรคการเมืองที่เชื่อมโยงกับประชาชนก็พร้อมที่จะเลือกตั้ง เพราะอุบัติเหตุทางการเมืองย่อมเกิดขึ้นได้