วันนี้ (16 ตุลาคม) พรรคก้าวไกลจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ขอนแก่น (KICE) ก่อนเปิดเวทีปราศรัยนำเสนอนโยบายพรรคต่อประชาชนภายใต้ชื่องาน ‘ก้าวไกล ไปนำแหน่’ ในช่วงบ่าย โดยมีการปราศรัยของทั้งแกนนำพรรค ตัวแทนว่าที่ผู้สมัครของพรรคก้าวไกลในภาคอีสาน
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปราศรัยในหัวข้อ ‘วิถีก้าวไกล’ โดยระบุว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกเราได้เดินทางไปทั่วประเทศ ไปส่งเสียงให้ประชาชนที่มีปัญหา ซึ่งถูกหมักหมมและกดทับจากรัฐที่ส่วนกลาง ทำให้เราได้เห็นด้วยตาและด้วยใจของพวกเราทุกคนว่า ราคาของการรัฐประหารว่ามันมากมายขนาดไหน ได้เห็นว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินต้องคำสาปของการห้ามพัฒนา คำสาปห้ามพัฒนาของประเทศนี้เกิดขึ้นจากห่วงโซ่ที่พันธนาการประเทศไทยร้อยเข้าด้วยกันอยู่ 3 ชั้น
โดยชั้นที่หนึ่ง คือปัญหาการขาดเทคโนโลยี เนื่องจากปัญหาการเมืองที่ไม่สามารถสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการทำให้บริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงเกิดขึ้นได้ ซึ่งมาจากปัญหาชั้นที่สอง นั่นคือปัญหาของการมีรัฐราชการรวมศูนย์ ที่เป็นเหมือนช้างตัวใหญ่อุ้ยอ้ายที่นั่งทับทุกปัญหาเอาไว้ไม่ให้พัฒนา แล้วดูดซับทรัพยากรเข้าส่วนกลางไปมากมายมหาศาล
ปัญหาชั้นที่สาม คือการมีคนบางกลุ่มได้ประโยชน์จากการแช่แข็งประเทศนี้ไปตลอดกาล พันธนาการประเทศไทยให้อยู่ในโครงสร้างที่ตัวเองอยู่บนยอดพีระมิด เป็นเหมือนเสือนอนกินที่ได้ประโยชน์จากความไม่เปลี่ยนแปลง
ดังนั้นการแก้ปัญหาของประเทศไทย จะเอานักบริหารที่เก่งมาทำอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องใช้วิถีก้าวไกลที่พร้อมสู้กับปัญหาทั้ง 3 ระดับ จัดการกับเสือนอนกินที่เป็นระบอบปรสิตกัดกินประเทศไทย รัฐราชการรวมศูนย์ที่กดทับทุกปัญหา เมื่อนั้นเราจึงพร้อมที่จะสร้างระบบนิเวศให้เกิดเทคโนโลยีขึ้นในประเทศไทยได้
หัวหน้าพรรคยังกล่าวด้วยว่า การเมืองของความเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้ เส้นทางของ ‘วิถีก้าวไกล’ ไม่ใช่แค่การเดินทางไกลของตนคนเดียว แต่คือการเดินทางไกลของพวกเราทุกคนที่มาเป็นเพื่อนร่วมทางกัน
“เจ็บปวดไปด้วยกัน มีความสุขไปด้วยกัน เกี่ยวแขนเดินกรุยทางไปข้างหน้าเพื่อเปลี่ยนประเทศนี้ไปด้วยกัน นี่คือการเดินทางไกลที่บทสุดท้ายจะเป็นบทที่ว่าด้วยชัยชนะของประชาชน” พิธากล่าว
ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นปราศรัยเป็นลำดับสุดท้าย ถึงยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลในสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน โดยระบุว่าวันนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเราจากทั่วทั้งประเทศได้มารวมตัวกันอีกครั้ง นับตั้งแต่ที่ผู้มีอํานาจได้ยุบพรรคอนาคตใหม่ลงไป เพราะต้องการจะหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลง
แต่พวกเขาคิดตื้นเขินว่าเมื่อเอาธนาธรกับปิยบุตรออกจากสภาได้ การเดินทางของอนาคตใหม่จะพังทลายลง แต่พวกเขาคิดผิด เพราะวันนี้พวกเราผู้สานต่ออุดมการณ์อนาคตใหม่ ได้ฟื้นกลับมาอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม เติบโตมากกว่าเดิม แหลมคมกว่าเดิม ในนามพรรคก้าวไกล ภายใต้การนําของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีแห่งการเปลี่ยนแปลงคนต่อไป
ชัยธวัชกล่าวอีกว่า หมดเวลาของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หมดเวลาของรัฐธรรมนูญจากการรัฐประหาร ประชาชนต้องมีอํานาจในการจัดทํารัฐธรมนูญใหม่ทั้งฉบับ แก้ได้ทุกหมวด ไม่ต้องมาห้าม หมดเวลาของการเมืองของกลุ่มนักการเมืองที่พร้อมจะเกี๊ยะเซี๊ยะผลประโยชน์กันหลังฉาก หยุดจับกุมคุมขังคนหนุ่มสาวและประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง หยุดปิดกั้นความคิดความฝันแบบใหม่
“กฎหมายที่ปิดปากประชาชนอย่างมาตรา 112 ก็ต้องถูกแก้ไข หากไม่ยอมให้แก้ ประชาชนจะเสนอให้ยกเลิกแทน คดีการเมืองต่างๆ ต้องถูกยุติและทบทวน เราต้องเปิดพื้นที่ปลอดภัยทางการเมืองให้พูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ ไม่ใช่ไปจับพวกเขาขังคุก คุณต้องคืนอิสรภาพให้พวกเขาแล้วสร้างฉันทามติที่คนทั้งสังคมจะอยู่ร่วมกันได้ในอนาคต พอกันทีกับระบอบปรสิตที่กัดกินพวกเรามาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย” ชัยธวัชกล่าว