วันนี้ (24 มกราคม) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี ‘ปดิพัทธ์ สันติภาดา’ รองประธานสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ณัฐวุฒิ บัวประทุม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถามในที่ประชุมถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยว่า ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ด้วยเสียงมติ 8 ต่อ 1 ไม่ต้องสิ้นสถานะการเป็น สส. นั้น จากการถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เนื่องจากมิได้ประกอบกิจการสื่อ
ณัฐวุฒิกล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบจำนวน 500 คน แต่ประเด็นที่สำคัญคือ ภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า ‘พิธา’ มีสถานะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบถ้วนสมบูรณ์ นับตั้งแต่วันที่ประชาชนเลือกเข้ามา แต่ยังมีความเข้าใจผิดหลายประการ กล่าวคือ วันที่มีการสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ และมีการส่งเอกสารคำสั่งอย่างเร่งด่วนมาที่อาคารรัฐสภาภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง และสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ และต้องออกจากห้องประชุมทันที
แต่ขณะนี้เวลาผ่านมาแล้ว 1 ชั่วโมง แต่ยังไม่เห็นเอกสารคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ยกคำร้องของพิธามาถึงรัฐสภาเสียที แม้ ร.ต.ต. อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นั้นจะมีการระบุสถานะว่าสามารถกลับมาทำหน้าที่ได้อย่าง 100% ดังนั้นตนเองจึงมีคำถามว่า “ถ้าการประชุมในวันนี้มีการลงมติในเรื่องใดๆ พิธาสามารถลงมติในวันนี้ได้เลยใช่หรือไม่”
ณัฐวุฒิกล่าวตั้งคำถามอีกว่า สถานะของพิธากลับมาทำหน้าที่ในรัฐสภา เป็นผู้แทนราษฎรอย่างสมบูรณ์แล้วใช่หรือไม่ และยังจำเป็นต้องรอเอกสารหลักฐานหรือคำวินิจฉัยตัวเต็มจากศาลรัฐธรรมนูญอีกหรือไม่
“พี่น้องประชาชนที่รอฟังข่าวอยู่ทั้งประเทศจะได้เข้าใจว่า ตกลงแล้วคุณพิธา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล สามารถเข้ามาทำหน้าที่ได้ตั้งแต่เมื่อไร แบบใด และประการใด อยากรบกวนสภาแห่งนี้เพื่อความสมบูรณ์ชัดเจน” ณัฐวุฒิกล่าว
กลับสภาได้เลย ไม่ต้องรอเอกสาร
ปดิพัทธ์กล่าวว่า ภายหลังจากรัฐสภาได้รับทราบข่าวศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ สส. ของพิธา รัฐสภาได้ตรวจสอบกับไปยังสำนักเลขาธิการรัฐสภาแล้วพบว่ามีผลตั้งแต่มีคำตัดสิน และไม่จำเป็นต้องรอเอกสารจากศาลรัฐธรรมนูญที่ส่งมารัฐสภา แต่เพื่อความสมบูรณ์ครบถ้วนทางธุรการ ทางสำนักเลขาธิการรัฐสภาก็จะติดตามเอกสารต่อไป พร้อมทั้งมีการตั้งคำถามว่าเหตุใดเอกสารจึงมีความล่าช้า ซึ่งมีความแตกต่างจากกรณีที่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
ปดิพัทธ์กล่าวอีกว่า ทันทีที่ได้รับคำตัดสินมีการปรับตัวเลขจำนวน สส. จากจำนวนสมาชิก 499 คน เป็น 500 คน ในเวลา 15.30 น. ทำให้ขณะนี้จำนวน สส. ในสภามีครบ 500 คน ยืนยันว่าพิธาสามารถกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้
ส่วนคำถามที่ว่า “หากวันนี้ที่ประชุมมีการลงมติใดๆ พิธาสามารถเดินทางมาลงมติได้หรือไม่” ปดิพัทธ์กล่าวว่า สำหรับประเด็นการลงมติในวันนี้ตนเองขอเวลาในการตรวจสอบทางกฎหมายและระเบียบก่อน และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าในวันพรุ่งนี้ พิธาสามารถกลับมาทำหน้าที่ได้อย่างแน่นอน โดยขอให้ทางสำนักเลขาธิการรัฐสภาทำรายละเอียดเพื่อตอบคำถามดังกล่าวไปยังพรรคก้าวไกลด้วย
รทสช. ชี้ ทุกคนต้องเคารพการตัดสินศาล
ขณะที่ อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส. จังหวัดราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวตอนหนึ่งว่า แสดงความยินดีกับพิธาที่ศาลรัฐธรรมนูญได้คืนสิทธิ์ในการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรในรัฐสภาแห่งนี้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ตนเองอยากให้ประชาชนทุกคนไม่ต่อว่าศาล ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม หรือศาลปกครอง จะตัดสินอย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนเคารพการตัดสินของศาล
“เมื่อศาลตัดสินแล้วถูกใจเรา ก็บอกว่าศาลนั้นน่าเชื่อถือ แต่เมื่อศาลนั้นตัดสินใจไม่ถูกใจเรา ก็บอกว่าศาลไม่น่าเชื่อถือ และไม่มีความยุติธรรม ขอให้ประชาชนและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ให้ความเคารพต่อการตัดสินของศาลในทุกกรณีตั้งแต่จากนี้เป็นต้นไป” อัครเดชกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (25 มกราคม) เวลา 10.30 น. พิธาจะเดินทางกลับเข้าไปทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยเข้าทางประตูใหญ่โถงทางเข้าฝั่ง สส. ชั้น 1 อาคารรัฐสภา