วันนี้ (8 สิงหาคม) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.116/2566 ที่ ยงยุทธ เสาแก้วสถิต ยื่นฟ้อง อิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับพวก รวม 7 คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐโดยทุจริต เจตนาร่วมกันออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566
วันนี้โจทก์และทนายโจทก์มาศาล
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้อง ฉบับ 3 สิงหาคม ศาลพิเคราะห์คำร้องแล้วเห็นว่าโจทก์ได้ตรวจสอบเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พบรายชื่อประธานและกรรมการการเลือกตั้งเหลือเพียง 6 คน จึงเชื่อว่ามีผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการการเลือกตั้งเพียงแค่นั้น
ต่อมาได้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานอื่นหลายหน่วยงาน จึงพบข้อมูลที่ถูกต้องจากเว็บไซต์ของไทยพีบีเอส ในคอลัมน์ ‘เปิดประวัติ กกต.’ จึงทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งมีผู้ดำรงตำแหน่งประธานและกรรมการการเลือกตั้งรวม 7 คน การระบุชื่อ ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย เป็นจำเลยที่ 8 ตามคำร้องนี้ โจทก์ได้บรรยายพฤติกรรมการร่วมกระทำความผิดของคณะกรรมการการเลือกตั้งไว้ครอบคลุมแล้ว
แสดงให้เห็นว่าโจทก์มีเจตนาจะฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้งทุกคนเป็นจำเลย เพียงแต่ไม่ได้ระบุตัวผู้ถูกฟ้องคดีให้ครบถ้วนเนื่องจากการตรวจสอบข้อมูลผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป การขอแก้ไขฟ้องของโจทก์จึงไม่ต้องห้าม อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้อง แต่เพื่อความสะดวกในการพิจารณาของศาล ให้เรียก ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย เป็นจำเลยที่ 7 และให้เรียก แสวง บุญมี จากเดิมจำเลยที่ 7 เป็นจำเลยที่ 8
ศาลตรวจคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์และรายงานเจ้าพนักงานคดีขั้นตรวจฟ้องฉบับลงวันที่ 24 กรกฎาคมแล้ว เห็นว่าคำฟ้องยังไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงรายละเอียด และพฤติการณ์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้งแปด พร้อมทั้งชี้ช่องพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ ตามมาตรา 15 แห่ง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559
จึงมีคำสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้อง โดยระบุข้อเท็จจริงและรายละเอียดตัวบุคคล เอกสาร หรือวัตถุตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งแปดกระทำผิดตามฟ้อง พร้อมเสนอหรือชี้ของพยานหลักฐานที่จะสนับสนุนข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์ รวมถึงพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
- ให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องถึงชื่อ นามสกุล ที่อยู่ ให้ถูกต้อง และเพื่อมิให้เป็นการฟ้องคดีผิดไปจากบุคคลที่โจทก์ประสงค์ฟ้องคดีนี้ ให้โจทก์ส่งสำเนาทะเบียนราษฎรของจำเลยทั้งแปดให้ครบถ้วน โดยแนบมากับคำฟ้องฉบับที่แก้ไขใหม่ต่อศาล
- ให้เพิ่มเติมถึงระยะเวลาการเข้ารับตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 1-7 เริ่มตั้งแต่เมื่อใดและสิ้นสุดลงเมื่อใด และระยะเวลาการเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 8 นับตั้งแต่เมื่อใดและสิ้นสุดลงเมื่อใด พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
- ให้โจทก์บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งแปดเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ และเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา เพราะเหตุใดและตามกฎหมายใด พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
- ให้บรรยายฟ้องเพิ่มเติมถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของจำเลยที่ 1-7 เป็นรายบุคคล ที่เกี่ยวพันกับการออกประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้ง การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน้าที่การสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ว่าเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ และประกาศใด อยู่ในมาตราใด ข้อใด พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
- ให้บรรยายเพิ่มเติมถึงการประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้งของเดิมเป็นอย่างไร และที่จำเลยทั้งแปดร่วมกันประกาศเป็นอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร ส่วนใดที่ทำให้ประชาชนหรือโจทก์เกิดความสับสน พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
- จำเลยทั้งแปดร่วมกันประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้ง ตามฟ้องข้อ 2. เมื่อใด จำเลยแต่ละคนกระทำการอย่างใดบ้าง และจำเลยที่ 1 ลงนามในวันใด พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
- การกระทำของจำเลยทั้งแปดทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไร พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ เห็นสมควรให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้องภายใน 30 วัน นับแต่วันนี้ (ครบกำหนดวันที่ 7 กันยายน)
เพื่อให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีในการตรวจฟ้องโจทก์ เห็นควรมีหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมแนบสำเนาคำฟ้องและสำเนารายงานกระบวนพิจารณาฉบับนี้ เพื่อให้ชี้แจง และกรณีมีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง ขอให้แจ้งรวมมาด้วยกับแนบระเบียบ คำสั่ง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องมายังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือ ดังนี้
- ประวัติเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 1-7 และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 8
- จำเลยทั้งแปดมีหน้าที่ประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้ง และตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน้าที่การสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็น สส. ว่าเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ และประกาศใด อยู่ในมาตราใด ข้อใด
- สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ตอบหนังสือคัดค้านการยื่นคำร้องกล่าวหา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ของโจทก์ ฉบับลงวันที่ 26 พฤษภาคม หรือไม่อย่างไร
- สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศการแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ และออกแบบบัตรเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ให้ต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ หรือไม่ เพราะเหตุใด ผู้ใดเป็นผู้ออกแบบและอนุมัติ และเหตุใดจึงต้องมีการแก้วิธีให้หมายเลขของผู้เข้ารับสมัครเป็น สส. แบบแบ่งเขตการเลือกตั้ง ให้แตกต่างจากหมายเลขพรรคที่ผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นสังกัดอยู่ในแบบการเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อ
- มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนประชาชนหรือไม่ เพราะเหตุใด และภายหลังการเลือกตั้งมีวิธีจัดการอย่างไรกับบัตรเลือกตั้งส่วนที่พิมพ์เกิน
- กรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องกล่าวหา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้ขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำนวน 4.2 หมื่นหุ้น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงหรือไม่ อย่างไร
มีการให้พิธาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือไม่ อย่างไร เพราะเหตุใด และใช้ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและวินิจฉัยคำร้องนานเท่าใด และได้นำคำสั่งของศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ ลต สสข 9/2566 คดีหมายเลขแดงที่ ลด สสข 24/2566 วันที่ 2 พฤษภาคม ที่คืนสิทธิผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สส. ให้แก่ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ มาพิจารณาหรือไม่ เพราะเหตุใด
- พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกี่สมัย และในแต่ละสมัยมีการตรวจสอบคุณสมบัติในเรื่องถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำนวน 4.2 หมื่นหุ้น มาก่อนหรือไม่ เหตุใดจึงมาพบภายหลังจากประกาศผลการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบมาก่อนหรือไม่
- ในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็น สส. ในเรื่องเป็นผู้ถือหุ้นสื่อ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ตรวจสอบไปยังนายทะเบียนบริษัทหรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือไม่ เพราะเหตุใด
และในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็น สส. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบด้วยตนเองหรือมอบหมายให้หน่วยงานใดเป็นผู้ตรวจสอบ เพราะเหตุใด
ให้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาวันที่ 25 กันยายน เวลา 09.30 น.