วานนี้ (2 มิถุนายน) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงความคืบหน้าในกรณีถูกร้องให้ตรวจสอบในเรื่องการถือหุ้น ITV ว่า ได้ตรวจสอบกับพรรคแล้ว ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่มีการเรียกให้เข้าไปชี้แจง ขอย้ำว่าหากตัดสินกันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ทั้งเรื่องหลักฐาน เรื่องทางกฎหมาย คิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการคาดการณ์ว่า กกต. จะรับรองผลเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ในกลางเดือนมิถุนายนนี้ หาก กกต. ไม่สามารถรับรอง ส.ส. ของพรรคก้าวไกล 151 คนได้ จะส่งผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พิธากล่าวว่า เข้าใจว่าตามกฎหมายจะรับรองได้ช้าสุดในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ หากช้าไปก็ติดกระดุมเม็ดแรกไม่ได้ ไม่สามารถเปิดสภาและเลือกประธานและรองประธานสภาได้ ก็จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ ทำให้ประชาชนเรียกร้องให้ กกต. ทำให้เร็วมากขึ้น จะยิ่งเป็นประโยชน์กับประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีว่าที่ ส.ส. ของพรรคก้าวไกลถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งอาจส่งผลให้ กกต. ไม่ประกาศรับรอง และอาจทำให้ตัวเลข ส.ส. ไม่ถึง 151 คน พิธากล่าวว่า เท่าที่เห็นมีเรื่องของ ชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ ส.ส. ปทุมธานี แต่น่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยังไม่ได้ดูรายละเอียดกับทีมกฎหมายว่ามีประเด็นอะไรบ้าง แต่ต้องให้กำลังใจชลธิชาต้องขึ้นศาล โดยไม่มีทนายเรื่องมาตรา 112 หวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ได้เข้าไปทำงานรับใช้ชาวปทุมธานีร่วมกับเพื่อน ส.ส. คนอื่นๆ ที่ได้รับเลือกตั้งมา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามกรณี พ.ต.อ. จรุงวิทย์ ภุมมา สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตเลขาธิการ กกต. โพสต์ข้อความกรณีตัวอย่างว่า หากเป็นหัวหน้าพรรคแต่พ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. จะไม่มีผลสืบเนื่องต่อการรับรองการส่ง ส.ส. ของพรรค พิธากล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดเรื่องนี้ อาจจะยังให้ความเห็นไม่ได้ แต่ฟังจากความเห็นของนักวิชาการและอดีต กกต. บอกว่ามีกฎหมายที่สามารถพูดได้ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครผิดพลาดอะไร แล้วที่เหลือจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ แต่ยังมั่นใจในรายละเอียดของตัวเอง และมั่นใจจะตั้งรัฐบาลได้ ทุกอย่างมีความสม่ำเสมอและมีแนวโน้มที่ดี หาก กกต. รับรองได้เมื่อใด คาดว่าจะประชุมสภาได้โดยเร็ว และตามเวลาก็จะตั้งรัฐบาลได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่ามีการพูดคุยในเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ข้อสรุปแล้วว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น พิธากล่าวว่า นพ.ชลน่านออกมาบอกผ่านทวิตเตอร์แล้วว่า คำว่าจบแล้วมีนิยามของมันอยู่ ไม่ได้หมายความว่าจบที่ตัวบุคคล แต่ในความขัดแย้งมีกระบวนการในการแก้ไขปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้เป็นประธานสภาของประชาชน ดังนั้น คงมีการพูดคุยกัน ยังคงยืนยันการให้สัมภาษณ์ของ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่เป็นทีมเจรจาบอกไว้ว่าจะมีความชัดเจนในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้
พิธากล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณี เสกสกล อัตถาวงศ์ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาให้ความเห็นว่า อย่าฝันกลางวัน กรณีพรรคก้าวไกลเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมเก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาล ยังไม่ได้ฟังสัมภาษณ์ของเสกสกล แต่ได้เห็นการให้สัมภาษณ์ของ อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว จึงขอพูดด้วยความเข้าใจว่า เมื่อมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจแล้ว ตามปกติคนที่แพ้เลือกตั้งจะต้องยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้ง และส่งมอบงานให้รัฐบาลต่อไป หากเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง คงไม่หลุดไปจากหลักการนี้
