วันนี้ (18 กุมภาพันธ์) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ยืนยันจะยืนเคียงข้าง ส.ส. พรรคก้าวไกลทุกคน ที่อาจจะถูกฟ้องร้องในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เช่น กรณีของ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อภิปรายเรื่องการจ่ายภาษี ค่าน้ำ ค่าไฟ ในบ้านพักรับรองของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท นอกจากจะไม่ได้คำตอบจากผู้ถูกอถิปรายแล้ว แต่กลับถูกฟ้องร้อง ดำเนินคดีใน พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 เพื่อปิดปาก ขณะนี้พรรคก้าวไกลได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายเตรียมที่จะสู้คดีต่อไป
ทั้งนี้พิธายังฝากคำถามไปถึงนายกรัฐมนตรีว่า เห็นด้วยกับการฟ้องร้องนี้หรือไม่ เมื่อฝ่ายค้านทำหน้าที่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจและตั้งคำถาม แต่มาใช้กฎหมายปิดปาก ส.ส. ฝ่ายค้าน โดยเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่สง่างามสมชายชาติทหารกับคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ปฏิบัติกับสุภาพสตรีที่ทำหน้าที่แบบนี้
ส่วนภาพรวมการอภิปรายในสองวันแรกของ ส.ส. ก้าวไกล พิธายืนยันในความเข้มข้นเข้มแข็งของหลักฐานและเหตุผลในการอภิปรายตามญัตติที่ได้ยื่นไว้ ยืนยันจะอภิปรายอย่างมีวุฒิภาวะ ยึดตามข้อบังคับและรัฐธรรมนูญ ในฐานะหัวหน้าพรรคให้กำลังใจลูกพรรคในการอภิปราย ขอให้มีสมาธิในการอภิปรายอย่าให้หวั่นไหวหรือหลงกลในการประท้วงเสียดสี พร้อมกับย้ำว่าที่ผ่านมา ส.ส. ทำได้ดีเกินกว่าที่คาดหวังไว้ และไม่ขอให้คะแนน ส.ส. ของพรรค โดยให้ประชาชนเป็นผู้ให้คะแนน
ทั้งนี้พิธาได้ท้วงติงว่า นายกรัฐมนตรียังตอบไม่ตรงคำถามในสิ่งที่อภิปราย ทั้งเรื่องการทุจริตการเอื้อประโยชน์ต่อนายทุน การใช้นิติธรรมนิติรัฐไปช่วยพวกพ้อง และวันนี้จะอภิปรายในประเด็นเรื่องของการทุจริตเชิงนโยบายที่รัฐใช้อำนาจเอื้อต่อนายทุน จนทำให้ประเทศชาติเสียหาย ขอให้ประชาชนติดตาม ส่วนการประท้วงของ ส.ส. รัฐบาลชี้ว่าเป็นเกมการเมืองแบบเก่า หวังทำลายสมาธิฝ่ายค้านที่ตั้งคำถามกับรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ตนมีคิวที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันสุดท้ายคือวันพรุ่งนี้ 19 กุมภาพันธ์ และยืนยันว่า ส.ส. จะอภิปรายอย่างมีวุฒิภาวะ ไม่หวั่นไหวแม้ถูกจับจ้องเอาผิดทางกฎหมายในการอภิปราย พร้อมต่อสู้ทางกฎหมาย เพราะการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ตรวจสอบนโยบายที่รัฐบาลแถลงไว้ 12 ข้อ ถือเป็นหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า