วันนี้ (31 พฤษภาคม) ที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล และ สนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงผลถึงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน
สนั่นกล่าวว่า ในที่ประชุมมีการหารือเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ตนเองคิดว่ามีการอภิปรายเรื่องนี้มาเป็นเวลานานแล้ว โดยที่แต่ละฝ่ายมีการนำเสนอข้อมูลที่คิดว่าไม่ได้มีความแตกต่างกันมาก แต่ในส่วนของหอการค้านั้น การขึ้นค่าแรงนั้นเราเห็นด้วย เพียงแต่ว่าจังหวะเวลาและอัตราในการขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไร คุณพิธาและพรรคก้าวไกล และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจะต้องมีการหารือกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องสำคัญที่เราอยากจะเห็นคือการตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด
ด้านพิธากล่าวถึงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำว่า เหรียญมีสองด้าน การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2565 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 350 บาท ขึ้นจากเดิม 5% โดยที่ประเทศไทยขึ้นอยู่ที่ 8% แสดงให้เห็นว่าค่าแรงที่ขึ้นมานั้นไม่สามารถทำให้ประชาชนแรงงานใช้ชีวิตอยู่ต่อได้ รวมถึงมีการแสดงตัวเลขในประสิทธิภาพของแรงงาน และเทียบกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำว่าขึ้นไม่ทันค่าแรงตามประสิทธิภาพ
เราไม่ได้จะปล่อยให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเท่านั้น แต่เราต้องการให้พี่น้องแรงงานลืมตาอ้าปากได้ หากมีการคำนวณแล้วพบว่า 450×20 วัน ยังไม่ถึง 10,000 บาทด้วยซ้ำ เมื่อพี่น้องแรงงานมีชีวิตอยู่ต่อได้ เราคิดถึงการพัฒนาทักษะด้วย เราคงไม่อาจพัฒนาทักษะทั้งๆ ที่เขาไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ นอกจากนี้พรรคก้าวไกลคิดไปถึงกลุ่ม SMEs ที่มีนโยบายที่จะเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายด้วย
“วันนี้มีเวลาในการพูดคุยแค่ 2 ชั่วโมง ยังไม่มีโอกาสได้ลงรายละเอียดในเรื่องนี้” พิธากล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แนวนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน ภายใน 100 วันแรกหลังได้เป็นรัฐบาล พิธากล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนในอัตราการขึ้นค่าแรงหรือระยะเวลา 100 วันหรือไม่ เน้นย้ำว่าต้องพูดคุยให้ครบทั้งไตรภาคี
ส่วนสนั่นกล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องค่าแรงขั้นต่ำนั้นต้องมีการศึกษาเชิงลึก เพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหว หากเรามีการพูดถึงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้นมีกลไกของไตรภาคีอยู่แล้ว ตนเองคิดว่าทางพรรคก้าวไกลได้รับฟังเสียงจากประชาชนมา และสิ่งเหล่านี้จะต้องมีการพูดคุยกัน หากเราจะมีการเปรียบเทียบว่าในปีที่ผ่านมาที่มีการขึ้นค่าแรง 5% เป็นสภาวะที่ผิดปกติ เพราะเราไม่คาดคิดว่าจะเกิดปัญหาวิกฤตสงครามรัสเซียยูเครนขึ้น และทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยสูงอย่างกะทันหัน ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมองว่าเป็นเรื่องที่ดีในการตั้งคณะกรรมการที่เข้าใจเพื่อหาทางออกในเวลาที่เหมาะสม และได้ค่าแรงที่ควรจะได้รับให้แรงงานสามารถอยู่ได้