วันนี้ (23 ธันวาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแกนนําพรรคภูมิใจไทยภาคใต้ กล่าวถึงการสู้ศึกเลือกตั้งภาคใต้ซึ่งมีหลายภาคต้องการปักธงว่า พรรคภูมิใจไทยต้องพยายามให้ถึงที่สุด ซึ่งเราเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ต้นว่าภาคใต้ควรจะมีการปรับปรุงอะไรบ้าง ซึ่งเคยพูดมาแล้วว่าภาคใต้ขาดโอกาสมา 30 กว่าปี ฉะนั้นถ้าคนใต้อยากได้โอกาสคืนตนก็พร้อมทวงโอกาสคืนให้กับคนภาคใต้ โดยเฉพาะเรื่องสาธารณูปโภค ก็จะเห็นว่าภาคใต้ได้รับการดูแลการพัฒนาช้ากว่าภาคอื่น
รวมไปถึงเรื่องคมนาคมที่ภาคอื่นได้รับการพัฒนาไปไกล แต่ภาคใต้มีถนนลงไปจนถึงนราธิวาสแค่ 1 เส้น ซึ่งต้องมองว่าเราจะขยายเส้นทางนั้นได้อย่างไร ก็เป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมต้องเดินหน้าต่อไป โดยตนได้หารือกับปลัดกระทรวงคมนาคม และอธิบดีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าภาคใต้ควรต้องทำอะไรบ้าง อย่างในอดีตที่ผ่านมาภาคใต้ก็ไม่เคยได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุดในประเทศไทย แต่ตอนนี้หลายจังหวัดในภาคใต้อ่อนแอมาก
ส่วนเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้มีผลกระทบกับพรรคหรือไม่ พิพัฒน์กล่าวว่า ถ้าบอกว่าไม่มีผลกระทบคงเป็นไปไม่ได้ แต่เรื่องภัยธรรมชาติต้องยอมรับสภาพว่าปีนี้เราประมาณการผิดพลาดโดยเฉพาะผู้บริหารท้องถิ่น ปีนี้ฝนตกแช่ปริมาณค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะในสงขลา, ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส และย้อนขึ้นมาที่พัทลุง นครศรีธรรมราชที่ประสบอุทกภัย ซึ่งรัฐบาลของอนุทินพยายามลงไปแก้ปัญหาเยียวยา ซึ่งที่ผ่านมาเงินเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาทค่อนข้างช้า แต่มั่นใจว่าในรัฐบาลของอนุทินได้มีข้อสั่งการ ซึ่งขณะนี้ทุกจังหวัดที่มีการแจ้งเข้ามาได้รับเงินไปแล้วประมาณ 97-98% อาจมีติดขัดบ้างแต่พยายามเคลียร์ให้จบก่อนสิ้นปี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะดูแลภาคใต้คาดหวังว่าจะได้กี่ที่นั่ง พิพัฒน์กล่าวว่า ยืนยันเหมือนเดิมว่าจะพยายามทำให้ได้ไม่น้อยกว่า 30 ที่นั่ง เพราะถ้าได้น้อยกว่านั้นก็คงเสียความตั้งใจขอเพื่อนๆ ของเพื่อนๆ ที่ย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งตอนนี้ สส.เขตที่ย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทยก็ 32 คนแล้ว ถ้าเรารักษาพื้นที่เดิมได้ก็ต้องได้ไม่น้อยกว่า 32 คน และถือเป็นเป้าหมายที่เราต้องรักษาที่เดิม แต่สถิติที่ผ่านมาทุกการเลือกตั้งจะมีคนเก่าสอบไม่ผ่าน 30% แต่เราก็ต้องพยายามและจะเติมเต็มคนรุ่นใหม่เข้าไปในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคกล้าธรรมเริ่มเปิดตัวผู้สมัครภาคใต้ถือเป็นคู่แข่งหรือไม่ พิพัฒน์กล่าวว่า การเมืองคือการแข่งขันอยู่แล้ว ตนเตรียมความพร้อมมาก่อน ก็ต้องเชื่อมั่นในการเตรียมความพร้อมของภูมิใจไทย ส่วนพรรคอื่นจะพร้อมขนาดไหนก็อยู่ที่นโยบายที่ได้แถลงออกไป ซึ่งคนใต้จะเป็นคนตัดสินใจเลือกผู้แทนของตัวเอง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การแถลงเปิดตัวนโยบายในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คนเลยหรือไม่ พิพัฒน์ระบุว่า แคนดิเดตนายกฯ แน่นอนว่าอนุทินเป็นเบอร์ 1 ส่วนอีก 2 คนให้รอลุ้นในวันพรุ่งนี้ (24 ธันวาคม 2568) ยืนยันว่าไม่ส่งชื่อเดียวเพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เห็นแล้วว่าการเสนอชื่อเดียวเป็นความสุ่มเสี่ยง เพราะคำว่าจริยธรรมไม่ทราบว่าเราจะพลาดเมื่อไร เพราะฉะนั้นต้องมีนายกฯ ที่พร้อมมาทำงานบริหารประเทศในนามของพรรคต่อไป


