วันนี้ 29 พฤศจิกายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีฉ้อโกงแชร์ Forex-3D ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษเป็นโจทก์ฟ้อง อภิรักษ์ โกฎธิ ผู้บริหาร Forex-3D กับพวกรวม 24 คน หนึ่งในนั้นมี พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช นักแสดง ร่วมด้วย ในความผิดฐานทุจริต โดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกง
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2565 ศาลมีคำสั่งเลื่อนการตรวจพยานหลักฐาน เนื่องจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีมีจำนวนมากราว 500 แฟ้ม ทำให้ทนายจำเลยจำเป็นต้องใช้เวลาตรวจสอบ โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวจำเลยทั้งหมดจากเรือนจำมาร่วมฟังการพิจารณา
เวลา 10.30 น. เบิกตัวจำเลยทั้งหมดเข้าห้องพิจารณาคดีที่ 701 จากนั้นจำเลยทั้งหมดร่วมหารือกับทนายความหลังจากที่อัยการได้มอบบัญชีรายชื่อพยานที่แน่ชัด ทนายความจึงต้องพูดคุยกับจำเลยเพื่อสอบถามความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยง เพื่อจะได้เกิดการนำสืบพยานในชั้นศาลต่อไป
ต่อมาเวลา 11.20 น. ศาลเริ่มถามจำเลยมีทนายครบถ้วนหรือไม่ และทนายได้รับหนังสือรายชื่อพยานจากทางอัยการครบหรือไม่
อัยการได้แบ่งบัญชีรายชื่อเพื่อนัดสืบพยานเป็น 6 กลุ่ม จำนวน 122 ปาก แบ่งเป็นกลุ่มผู้กล่าวหา, บุคคลใกล้ชิด, ผู้เสียหาย, ผู้รับจ้างเปิดบัญชี และเจ้าหน้าที่
จากนั้นทนายความแถลงแนวทางต่อสู้คดีต่อศาล โดยทนายความของจำเลยที่ 1 และ 2 แถลงว่า ได้ว่าจ้างให้โบรกเกอร์ของต่างประเทศนำเงินรายได้และผลจากการลงทุนมาชดใช้ให้กับผู้เสียหายในคดี
ทนายความของจำเลยที่ 3, 4 และ 5 แถลงว่า จำเลยมีการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อ-ขายเงินตราต่างประเทศจริง แต่จำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา และขอนัดสืบพยานในกลุ่มนักลงทุนและโปรแกรมเมอร์เพิ่มเติมจากที่อัยการเสนอรายชื่อ
ทนายความของจำเลยที่ 6 แถลงว่า มีรายชื่อเป็นกรรมการในบริษัทของจำเลยที่ 2 จริง แต่ไม่ได้ร่วมบริหาร
ส่วนทนายความของจำเลยที่ 7 และ 8 แถลงร่วมกันว่า จำเลยที่ 7 และ 8 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการของจำเลยที่ 2 และ 3 ไม่เคยมีการชักชวนหรือแนะนำใครมาร่วมลงทุนดังกล่าว
จำเลยที่ 7 และ 8 ยืนยันว่า เป็นเพียงนักลงทุนที่ได้รับเงินจากจำเลยที่ 2 และ 3 เป็นผลตอบแทนจากการลงทุนเท่านั้น ไม่เคยได้รับประโยชน์ผิดแปลก แตกต่างจากปกติ หรือได้รับผลตอบแทนจากคำแนะนำในการเชิญชวนผู้อื่น และขอนัดสืบพยานเพิ่ม ทั้งนี้ ในส่วนของพยานคนที่ 22 ตามบัญชีรายชื่ออัยการ เป็นผู้มาขอร่วมลงทุนด้วยตัวเอง ไม่ได้มีการชักชวน
จำเลยทั้ง 24 คนประกอบด้วย
จำเลยที่ 1 อภิรักษ์ โกฎธิ
จำเลยที่ 2 บริษัท อาร์ เอ็ม เอส แฟมิเลีย จำกัด โดย กิตติเชษฐ์ หรือ สรายุทธ ไชยเดช
จำเลยที่ 3 บริษัท มี ดี เพย์ จำกัด โดย ศิษฎ์ธนาฒย์ โพธิ์เงิน
จำเลยที่ 4 ศิษฎ์ธนาฒย์ โพธิ์เงิน
จำเลยที่ 5 สุภิญโญ มีสมปราชญ์
จำเลยที่ 6 กิตติเชษฐ์ ไชยเดช หรือชื่อเดิม สรายุทธ ไชยเดช อายุ 41 ปี
จำเลยที่ 7 สาวิกา ไชยเดช อายุ 36 ปี อาชีพนักแสดง
จำเลยที่ 8 สรินยา ไชยเดช อายุ 63 ปี
จำเลยที่ 9 ณัฐธีร์ พีระชัยรมย์ หรือ วาริท อาเช่อร์ หรือ พสิษฐ์ ศักดิ์ธนินท์ อายุ 31 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว
จำเลยที่ 10 ศิราเมษฐ์ สุภัคศิริประสาน อายุ 40 ปี อาชีพรับจ้าง
จำเลยที่ 11 ธรรศิวรรฒ ฉันทานุกูล อายุ 29 ปี อาชีพนักแสดงอิสระ
จำเลยที่ 12 ปฏิภาณ มะนัส อายุ 27 ปี อาชีพรับจ้าง
จําเลยที่ 13 อนุพงศ์ จุลมุสิก อายุ 32 ปี อาชีพรับจ้าง
จําเลยที่ 14 นวพล เรืองอักษร อายุ 36 ปี อาชีพรับจ้าง
จำเลยที่ 15 รพีพัฒน์ ภิรมย์จันทร์ อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง
จําเลยที่ 16 สุรสิทธิ์ คำยันต์ อายุ 35 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว
จำเลยที่ 17 ณัฐพงษ์ ปัญญาวงศ์ อายุ 28 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว
จำเลยที่18 นงนุช โกฎธิ อายุ 50 ปี อาชีพค้าขาย
จำเลยที่ 19 กิตติชัย โกฎธิ อายุ 26 ปี อาชีพนักศึกษา
จำเลยที่ 20 อับดุลฮากีม ปิมะแม อายุ 28 ปี อาชีพรับจ้าง
จำเลยที่ 21 ภคมน สีกุน อายุ 34 ปี อาชีพค้าขาย
จำเลยที่ 22 กษม กลปราณีต อายุ 32 ปี อาชีพนักร้อง นักแสดง และนายแบบ
จำเลยที่ 23 ธัญญนันช์ ณัฐนนท์ชญนัท อายุ 42 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว
จำเลยที่ 24 ทินกร โกฎธิ อายุ 55 ปี อาชีพรับจ้าง
สำหรับบรรยากาศในห้องพิจารณาคดี กิตติเชษฐ์ หรือ สรายุทธ ไชยเดช ได้ใส่กุญแจมือมาพร้อมกับ อภิรักษ์ โกฎธิ ส่วน สรินยา ไชยเดช หลังเข้าห้องพิจารณาคดี เข้าไปจับไหล่ลูกชายและย้ายไปนั่งด้านข้าง ส่วน สาวิกา ไชยเดช มีท่าทีเครียดและผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ญาติและเพื่อนของจำเลยรายอื่นที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีได้เข้าไปพูดคุยให้กำลังใจกับจำเลย หลังจากทนายความพูดคุยทางคดีเรียบร้อย
โดยการตรวจหลักฐานในช่วงเช้ายังไม่แล้วเสร็จ ศาลจึงนัดตรวจหลักฐานช่วงบ่าย เพื่อกำหนดวันนัดสืบพยานต่อไป