วันนี้ (20 มีนาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะ และสื่อมวลชน มาเยี่ยม ชาวอุยกูร์ 1 ใน 40 คน ที่ถูกส่งตัวกลับจากไทย ซึ่งพักอาศัยอยู่ในอำเภอซาเชอ เมืองคาซือ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นวันที่ 2
ชายชาวอุยกูร์และครอบครัว เล่าว่า พ่อแม่และพี่สาวไปรอรับถึงเครื่องบิน และตรงกลับมายังบ้านทันทีไม่ได้ถูกกักตัวไว้ ส่วนตัวคิดถึงครอบครัวมาก เพราะไม่ได้เจอกันมา 12 ปี ซึ่งสาเหตุที่เดินทางออกจากซินเจียง เพราะขณะที่ยังเป็นวัยรุ่นและมีคนหัวรุนแรงชวนไปต่างประเทศ จุดหมายปลายทางคือประเทศตุรกี แต่ถูกจับกุมตัวก่อนขณะเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศไทย
ขณะถูกกักตัวที่ประเทศไทยได้รับการดูแลดี แต่คิดถึงครอบครัว และเป็นห่วงแม่ที่สุขภาพไม่ดี อีกทั้งภรรยาก็เพิ่งจะมีลูกคนที่ 2 เมื่อกลับมาอยู่กับครอบครัวแล้ว ลูกสาวคนเล็กอยู่กับตนเอง ส่วนลูกสาวอีก 1 คนอยู่กับภรรยาซึ่งได้หย่ากันไป ยืนยันว่าระหว่างถูกกักตัวที่ไทย ไม่ได้เขียนจดหมายสักฉบับ และไม่ได้ข่าวว่าเพื่อนเขียนจดหมายเช่นกัน
ชายชาวอุยกูร์ยังระบุด้วยว่า หลังเดินทางกลับถึงจีนได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนในหมู่บ้าน และทางการจีนได้ทำบัตรประชาชนให้ใหม่ พร้อมทะเบียนบ้านให้ จากนี้อยากจะใช้เวลาดูแลพ่อแม่ ช่วยครอบครัวหารายได้ ทั้งนี้ขอบคุณรัฐบาลไทยและจีนที่ร่วมมือกันส่งตัวกลับบ้าน เวลานี้รู้แล้วว่าอยู่กับครอบครัวมีความสุข ปลอดภัยดี ไม่ต้องกังวล
ขณะที่ พ่อและแม่ของชายชาวอุยกูร์ ระบุว่า ดีใจมากไม่ได้เจอลูกมา 12 ปี คิดถึงมาก ตอนนั้นไม่รู้ว่าลูกไปไหน แต่เมื่อกลับมาได้แล้วก็ดีใจ โดยแม่ของชายชาวอุยกูร์หลั่งน้ำตาร่ำไห้แห่งความดีใจตลอดการพูดคุย และขอบคุณซ้ำๆ ที่นำลูกกลับคืนสู่ครอบครัว พร้อมจัดหาขนมเลี้ยงต้อนรับคณะจากไทย
ขอบคุณ สีจิ้นผิง-รัฐบาลไทย ส่งกลับ
ด้าน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.อ. ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาเยี่ยม 1 ใน 40 ชาวอุยกูร์ที่ถูกไทยส่งกลับ โดย พ.ต.อ. ทวี ได้สอบถามความเป็นอยู่หลังถูกส่งกลับมาบ้านเกิด ซึ่งชายชาวอุยกูตอบว่า รัฐบาลท้องถิ่นได้พาตนไปตรวจสุขภาพ และยังพาตนกับครอบครัวไปเที่ยวในเมืองอื่นทำให้ตนรู้สึกสบายใจ ซึ่งสมาชิกในครอบครัวก็ปลอดภัย ตอนนี้รู้สึกว่าได้ชีวิตใหม่ และรัฐบาลได้สนับสนุนเงิน 28,500 หยวน คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 140,000 บาท ให้มาสร้างบ้าน และเราก็พักกันที่นี่มีทั้งพ่อแม่ สามี ภรรยา และลูก
ชายชาวอุยกูร์ยังเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนถูกจับว่า กลุ่มก่อการร้ายได้โกหกทำให้ตนหลบหนีออกนอกประเทศผิดกฎหมาย แต่ตอนนี้ได้กลับบ้านแล้วตอนนี้ปัจจุบันมาเป็นชาวนายืนยันว่าไม่มีการบังคับ มีเสรีภาพ 100%
“ตอนที่ไปไทย ก็หลบหนีข้ามชายแดนแบบผิดกฎหมาย ไม่แน่ใจโดนจับที่ไหน (คิดว่าคงเป็นหาดใหญ่) ตอนที่โดนจับ มีผมคนเดียว และเมื่อกลับจากไทยแล้ว ไม่ได้เคยติดต่อกับคนอื่นใน 40 คนเลย”
ชายชาวอุยกูร์ยืนยันว่าไม่เคยถูกทำร้าย โอกาสนี้ก็ต้องขอบคุณ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากประเทศไทย ตนรู้สึกประทับใจและขอบคุณรัฐบาลท้องถิ่นอีกครั้ง กลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแต่ซินเจียงพัฒนา แต่ทั้งประเทศจีนทันสมัยมาก
จากนั้น พ.ต.อ. ทวี ได้สอบถามเรื่องการศึกษา ซึ่งชายชาวอุยกูร์ ตอบว่า ตนไม่ได้เรียนหนังสือ แม้แม่ซึ่งเป็นครูอยากให้เรียน แต่ตนก็ไม่เชื่อฟัง พร้อมยืนยันไม่เคยมีการเขียนจดหมายกลับมา
ทั้งนี้ ครอบครัวชาย ชาวอุยกูร์ ได้ร้องเพลงพื้นถิ่นโชว์ซึ่งมีความหมายของเพลงว่า ดวงดาวที่ส่องสว่างบนฟ้าเป็นประกายเหมือนตาของแม่ พร้อมเชิญคณะรับประทานของว่างที่จัดไว้ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นที่จัดแบบนี้ทุกวัน แม้จะมีแขกมาหรือไม่ก็ตาม