วันนี้ (24 พฤษภาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพร้อมด้วย พล.อ. นิพัทธ์ ทองเล็ก ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อพบปะกับหน่วยปฏิบัติงาน ผู้กำกับการสถานีตำรวจ ผู้ประกอบการ ภาคประชาสังคมในพื้นที่ ระหว่างวันที่ 24-25 พฤษภาคม 2568
ภูมิธรรมกล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ต้องการฟังจากผู้ปฏิบัติงานโดยตรง ให้รอบด้าน เนื่องจากข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่ได้ลงไปคลุกคลีในช่วงต้นมีมุมมองที่แตกต่างหลากหลาย จึงอยากประมวลภาพให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากปัญหาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและซับซ้อน ซึ่งคิดว่าเป็นการรับฟังครั้งสุดท้ายในเฟสแรก และเชื่อว่าหลังจากการรับฟังครั้งนี้น่าจะมีข้อสรุปอะไรที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ภูมิธรรมเปิดเผยด้วยว่า ได้คิดไว้หมดแล้วว่าจะมีการใช้กลไกอะไรบ้าง การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจะออกมาเป็นรูปแบบใด แต่เนื่องจากยังย้อนแย้งกับเรื่องความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งต้องระงับเหตุความรุนแรงด้วย หลังจากนี้หากทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันแล้วจะต้องนำยุทธศาสตร์มาพูดคุยกันอีกครั้ง แม้จะมีการประกาศไปแล้วก็ตาม ซึ่งหลักคิดที่สำคัญคือต้องมองยุทธศาสตร์และปัญหา รวมไปถึงทางออกให้สอดรับกัน และทำตามหน้าที่ของแต่ละคน
ส่วนจะยังคงยืนยันใช้โต๊ะเจรจาสันติสุข ชายแดนภาคใต้อยู่ใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ปฏิเสธกลไกใดๆ แต่ต้องมาดูว่าจะต้องปรับปรุงในสิ่งที่ทำหรือไม่ หรือหากไม่มีบทบาทหรือความสำคัญแล้วก็ต้องทิ้งไป แต่ยังคงยืดหยุ่นอยู่ ยังไม่ได้คิดว่ายกเลิกอะไรหรือไม่
ส่วนจะต้องรอแผนยุทธศาสตร์ชายแดนใต้แล้วเสร็จก่อนหรือไม่จึงจะเดินหน้าพูดคุยสันติสุขได้ ภูมิธรรมกล่าวว่า หลายอย่างสามารถทำคู่ขนานกันไปได้ เพราะหากจะรอให้เบ็ดเสร็จทีเดียวคงยาก
พิจารณางบ 69 ขอฝ่ายค้านวิจารณ์สร้างสรรค์
ภูมิธรรมยังกล่าวถึงความพร้อมในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 หลังพรรคประชาชนประกาศเตรียม 50 ขุนพลร่วมอภิปราย และจะช่วยหาเงินผ่านการตัดงบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็น ว่า ไม่มีปัญหาจะเตรียม 50 คน หรือ100 คนก็เตรียมไป เพราะเป็นหน้าที่ฝ่ายค้านต้องตรวจสอบอยู่แล้ว เพียงแต่อยากให้ตรวจสอบอย่างมีเหตุผล และหากมีปัญหาอะไรที่ยังไม่สมบูรณ์ก็วิจารณ์มา หรือถ้ามีข้อเสนออะไรก็เสนอมา รัฐบาลก็จะรวบรวมไปแก้ไข
ภูมิธรรมกล่าวว่า รัฐบาลรับฟังข้อเสนอที่สอดคล้องกับความเป็นจริงและมองการแก้ปัญหาในเชิงสร้างสรรค์อยู่แล้ว ส่วนที่วิจารณ์แบบใช้อารมณ์ ความรู้สึก หรือเป็นการวิจารณ์ทั่วไป ก็รับมาอย่างพึงสังวร เป็นอุทาหรณ์ ว่ามีเรื่องที่คนเห็นต่าง พร้อมย้ำว่า อยากให้วิจารณ์กันอย่างตั้งใจเต็มที่ ไม่อยากให้เป็นการแสดง และอย่าออกนอกกติกา
ส่วนที่กระทรวงกลาโหมเป็นเป้าในการถูกตัดงบประมาณ จนกระทบปฏิทินการซื้ออาวุธทดแทนนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมจัดงบประมาณแบบเดิม ซึ่งมีการพูดคุยกับระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ระดับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงว่ายุทธศาสตร์แต่ละช่วงเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้โลกเปลี่ยนแปลง เหล่าทัพถึงความจำเป็นในการรับมือภัยพิบัติ รวมถึงความท้าทายใหม่ๆ ภัยธรรมชาติ หรือความขัดแย้งในโลก หรือความเกี่ยวพันทางการค้า ซึ่งขณะนี้ความมั่นคงไม่ได้อยู่ในมิติเดิมทุกคนก็เข้าใจ
นอกจากนี้กระทรวงกลาโหมอยู่ระหว่างการปรับกระบวนการต่างๆ ให้รับใช้ประชาชนมากขึ้น และทำหน้าที่ปกป้องประเทศให้ดีที่สุด เช่น เรื่องภัยธรรมชาติ จะเห็นได้ว่าเวลาเกิดภัยพิบัติกองทัพก็จะเข้าไปทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่ง