วันนี้ (19 กันยายน) ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจรักษาการนายกรัฐมนตรีว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปแค่ 4-5 วัน ก็ไม่มีอะไรมาก แต่ท่านเร่งเรื่องรัฐธรรมนูญและให้แต่ละกระทรวงเข้าไปทำงานกันให้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องดำเนินการ ก็จะช่วยกันทำ
ส่วนความคืบหน้าหลังจากตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ ภูมิธรรมกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการ ขณะนี้กำลังดูและติดต่อทาบทาม โดยพยายามให้มาจากภาคส่วนหรือคนที่มีความรู้ด้านกฎหมายมหาชน ซึ่งรัฐบาลชุดนี้อยากให้คนมีส่วนร่วมมากขึ้น และให้มีการทำประชามติให้ได้โดยเร็ว ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะผลักดันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ภูมิธรรมระบุเพิ่มเติมว่า มีการวางแนวทางไว้คร่าวๆ ซึ่งต้องไปหารือกับหน่วยงานต่างๆ ว่ามีความเห็นอย่างไร และจะทำอย่างไรให้เป็นที่พึงพอใจกับทุกฝ่าย อย่างที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้กำหนดเป็นฐานไว้แล้วว่า การทำประชามติและการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เราอยากให้ผ่านได้โดยเร็ว และเรายืนยันในหลักการที่ว่า เราจะไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2
เบื้องต้นในวันนี้ถ้าทำประชามติจะถามประชาชนว่า จะแก้ไขหรือไม่แก้ไขอย่างไร และเราก็อยากดูรายละเอียดทั้งหมด รวมถึงอยากคุยกับทุกฝ่ายทั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.), สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และองค์กรประชาชน
“ต้องเสร็จภายใน 4 ปี เราจะพยายามทำให้เร็วที่สุด ซึ่งหากมีการทาบทามตัวบุคคลแล้วจะแจ้งให้สื่อทราบอีกครั้ง หลังจากนั้นเราจะเร่งทำงานทันที ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลอยากให้เกิดขึ้นและอยากให้ประชาชนสบายใจ” ภูมิธรรมกล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการสรรหาหัวหน้าพรรคคนใหม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กำลังดำเนินการ และในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารก็ได้มีการพูดถึงกรอบที่ชัดเจนว่า เราจะเลือกให้เสร็จสิ้นภายใน 60 วัน แต่คาดว่าบวกลบประมาณ 45 วันนิดหน่อยก็จะจัดการแล้วเสร็จ ส่วนจะเป็นบุคคลอย่างไร เราจะรวบรวมความคิดเห็นจากสมาชิกพรรคให้ชัดเจนอีกครั้ง
เมื่อถามว่า มองว่าต้องเป็นคนรุ่นใหม่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า อยู่ที่สมาชิก ส่วน แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็เป็นคนรุ่นใหม่ สามารถนำสิ่งใหม่ๆ เข้ามา และเป็นคนที่มีศักยภาพ มีความสามารถ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องของที่ประชุมใหญ่ แต่ตนคิดว่าแนวโน้มของพรรคเพื่อไทย เราพยายามให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้และความสามารถเข้ามามากขึ้น ส่วนพวกเราเป็นคนที่มีประสบการณ์มาพอสมควรแล้ว คิดว่าเราจะค่อยๆ กลับไปเป็นผู้สนับสนุน