วันนี้ (10 สิงหาคม) ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค แถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา ประกอบด้วย วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วย ประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค และ นิกร จำนง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา
โดย นพ.ชลน่านแถลงว่า ในการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลเพิ่มเติมในวันนี้ได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเราจะจับมือกันคลี่คลายปัญหาของประเทศ ดึงการมีส่วนร่วมของทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกพรรค ทุกฝ่าย เพื่อให้การเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ นำไปสู่การเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว
จากนั้นได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถามถึงการที่พรรคเพื่อไทยไปหารือกับพรรคก้าวไกลเพื่อขอให้ลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี มีความกังวลว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับมาร่วมงานกับพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น วราวุธกล่าวว่า ตนคิดว่าการที่แต่ละพรรคได้แสดงเจตจำนงในการทำงานร่วมกันแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของทุกพรรคที่จะต้องมาช่วยกันหาคะแนนเสียง เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้เกิน 376 เสียง
วราวุธกล่าวอีกว่า ดังนั้นก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค วันนี้เราตอบรับคำเชิญร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เราเองก็จะต้องช่วยกันหาคะแนนเสียงเพื่อจะได้โหวตนายกรัฐมนตรี และให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่าสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กังวลว่าพรรคเพื่อไทยไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกลและจะมีการดึงมาร่วมรัฐบาลในช่วงหลังนั้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรากับพรรคก้าวไกลพยายามที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ไม่ได้รับการสนับสนุนเสียงในรัฐสภา แม้พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะขอคะแนนจากทุกภาคทุกฝ่ายภายใต้เงื่อนไขของ 8 พรรคร่วม ก็จะแสวงหามาได้ 320 เสียงไม่มากไปกว่านั้น เพราะติดวิกฤตรัฐธรรมนูญ
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า จากการที่เราไปสอบถามรายบุคคลทั้ง สส. สว. และพรรคการเมืองที่เราทำอย่างเปิดเผย ว่าทำไมเขาถึงไม่ลงคะแนนให้ในกรณีที่เราจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล คำตอบชัดว่า ไม่ว่าจะมีการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ 4 พรรคการเมืองมีคำตอบชัดเจนว่าไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่สามารถลงคะแนนให้ได้ มีเพียง 1 พรรคการเมืองเท่านั้นที่ระบุว่าถ้ามีการปลดล็อกไม่แตะต้อง ไม่แก้ไขมาตรา 112 สามารถเข้าร่วมรัฐบาลได้ นี่เป็นคำตอบที่ชัดมาก
“เราเองมีความจำเป็นที่จะต้องหาเสียงเพิ่มจากพรรคอื่น ภายใต้เงื่อนไขว่าถ้ามีพรรคก้าวไกลอยู่ร่วม การจัดตั้งรัฐบาลเราจะไม่ได้คะแนน การบริหารจัดการในเรื่องนี้เราเองจำยอมที่จะต้องทำ เราไม่เคยเกลียดพรรคก้าวไกล เราไม่เคยปฏิเสธเสียงพี่น้องประชาชนที่ให้มา แต่ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่เดินหน้าทำอะไรเลย ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ เท่ากับปฏิเสธความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติบ้านเมือง” นพ.ชลน่านกล่าว
นพ.ชลน่านกล่าวว่า การเดินทางไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกลเมื่อวานนี้ (9 สิงหาคม) มีเจตจำนงเพื่อไปสอบถามขอความร่วมมือว่าเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนที่เราจะมาปลดล็อกรัฐธรรมนูญ เราไม่ได้ไปเชิญชวนพรรคก้าวไกลมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีพันธสัญญาว่าให้พรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลหลังจากนี้ ฉะนั้นตนเชื่อว่าความกังวลของ สว. บางส่วนเราตอบคำถามได้
ด้านภูมิธรรมกล่าวเสริมว่า นี่คือการปฏิบัติที่สะท้อนว่าเราต้องการสลายขั้วความขัดแย้งในทุกพรรคการเมือง เราชัดเจนอยู่แล้วพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน และย้ำกับพรรคก้าวไกลไปแล้วว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน เราทำได้ทุกเรื่อง ยกเว้นการแก้ไขมาตรา 112 และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ
เมื่อถามว่าเหตุใดจึงไม่มีการเชิญพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐมาพูดคุย เพื่อที่จะการันตีเสียงจาก สว. ภูมิธรรมกล่าวว่า เราไม่ได้ไปเรียนเชิญเพื่อให้มาร่วมรัฐบาล เราชัดเจนทุกอย่าง แต่เชิญมาเพื่อโหวตให้ความไว้วางใจกับพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทย ซึ่งทุกพรรคที่เอ่ยมาเราไปพบมาหมดแล้ว แต่กระบวนการต่างๆ ที่จะนำมาซึ่งข้อสรุปว่าเป็นอย่างไรก็ให้เป็นตามกรอบเวลาและวาระ
“เราจะไม่หยุดสิ่งที่เราคิดและดำเนินการ จากนี้พรรคใดพร้อมเราก็พร้อมที่จะเปิด แต่พรรคใดที่ยังไม่พร้อมเราก็จะไม่ไปคาดคั้น แต่ให้พิสูจน์ให้เราเห็นในวันที่มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เรายืนยันว่าเสียงเกินกึ่งหนึ่งมาตลอด และก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีเราจะได้เสียงเพียงพอแน่นอน เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีจะเป็นแบบม้วนเดียวจบ” ภูมิธรรมกล่าว
เมื่อถามว่า คุยกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้โหวตนายกรัฐมนตรีให้เพื่อไทยเหมือนที่คุยกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า คุยสถานการณ์กับคุยเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี คุยทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ตนคิดว่าไม่ควรถามเรื่องแบบนี้แล้ว ส่วนจากนี้จะมีพรรคการเมืองมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลอีกหรือไม่นั้น เรายังมีระยะเวลารอได้ถึงวันที่ประธานรัฐสภาเลือกวันโหวตนายกรัฐมนตรี
นพ.ชลน่านกล่าวเสริมว่า “หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยคือต้องตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ เราจะปล่อยให้คาราคาซังแบบนี้ไม่ได้ ก็ต้องพยายามมองหาทางเลือก เรายอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเราใช้ต้นทุนสูงมากในการทำงานครั้งนี้”