‘ฟูอะไรนะ’ ฉันเอ่ยถามคนชวนเป็นครั้งที่ 3 เพื่อความชัวร์ในสิ่งที่ได้ยิน ‘ฟูโกว๊ก’ คือคำตอบจากปลายสาย หลังจากการเดินทางราวๆ 10 ชั่วโมงจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต ในโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ต่อเครื่องอีกไม่กี่ชั่วโมง เราก็เตรียมร่อนลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติฟูโกว๊ก ฉันปลุกร่างง่วงๆ ของตัวเองให้ตื่นขึ้นมาชมวิวริมหน้าต่างขณะที่เครื่องกำลังโฉบเหนือเกาะชื่อเรียกยากแห่งนี้ของเวียดนาม ภาพที่เห็นคือเกาะขนาดยักษ์สีเขียวครึ้มไปด้วยต้นไม้ และน้ำทะเลสีครามที่กำลังระยิบระยับต้องแดด เสน่ห์แบบเกาะสวรรค์เขตร้อนรออยู่ตรงหน้า
รู้จักฟูโกว๊กหรือยัง
ว่ากันว่านี่เป็นเกาะที่กำลัง ‘มาแรง’ ของเวียดนาม ด้วยแรงสนับสนุนของรัฐบาลเวียดนามที่ต้องการผลักดันการท่องเที่ยวและความเจริญมาสู่เกาะที่น่าจะโตไปได้อีกไกล ‘ฟูโกว๊ก’ (Phu Quoc) จะว่าไปก็ไม่ต่างจากภูเก็ตนัก เพราะเป็นเกาะพี่คนโตสุดของบรรดาเกาะแก่งในเวียดนาม ด้วยความกว้างถึง 574 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่าภูเก็ตที่ใหญ่ที่สุดของไทยเล็กน้อย) มีประชากรบนเกาะราวๆ 85,000 คน โดยอยู่ในจังหวัดเกียนซางของเวียดนามในทะเลอ่าวไทย และนอกเหนือจากเกาะใหญ่ที่เห็นแล้วยังประกอบไปด้วยเกาะแก่งเล็กน้อยอีกถึง 21 แห่ง รายได้หลักๆ ของคนที่นี่มาจากการทำประมง การเกษตร และการท่องเที่ยว ที่เริ่มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีโรงแรมและรีสอร์ตใหญ่ๆ ทยอยเข้าไปเปิดไล่เลี่ยกันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่าอากาศยานฟูโกว๊กยังเป็นจุดพักเครื่องก่อนต่อไปยังจุดหมายปลายทางนานาชาติต่างๆ ไม่ต่างกับภูเก็ต
ที่น่าสนใจคือรัฐบาลเวียดนามกำลังผลักดันให้ฟูโกว๊กพัฒนาเทียบเท่ากับภูเก็ต โดยเมื่อปี 2014 อนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าเป็นเวลา 30 วัน นอกจากนั้นยังกำลังวางแผนให้ฟูโกว๊กเป็นเขตปกครองพิเศษภายในปี 2017 ด้วย
หลังอานครองเมือง
จากการพูดคุยกับคนท้องถิ่น นอกจากรายได้จากที่ว่าข้างต้น เกาะแห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องฟาร์มหอยมุก และเป็นแหล่งกำเนิดของสุนัขหลังอานฟูโกว๊ก หรือ Phu Quoc Ridgeback ที่นอกเหนือจากบนเกาะนี้ มียังสุนัขหลังอานอีก 2 สายพันธุ์บนโลกคือในแอฟริกาใต้และไทย ทำให้คนบนเกาะคุ้นเคยกับเจ้าหลังอานจนสามารถเห็นทั้งสุนัขพันธุ์แท้และพันธุ์ทางเดินไปมาแบบมีขนหลังตั้งไปคนละทางทั่วเกาะ คุณอาจได้เห็นเจ้าเท้าปุยบ้างประหนึ่งตนเป็นหมาทะเลเจ้าถิ่นหยอกล้อเล่นกันริมหาด กระทั่งจับสัตว์ทะเลราวกับชาวประมง เป็นภาพที่น่ารักดีนะ
ตอนที่พระอาทิตย์ลับฟ้า และเมื่อความมืดปกคลุมชายหาด เหล่าปลาดาวน้อยใหญ่จำนวนมากต่างทยอยกันมาอาบแสงจันทร์เต็มหน้าหาดจนชาวบ้านเรียกหาดแห่งนี้ว่า ‘หาดปลาดาว’
What To Do
บ้านปลาดาว
ก่อนจะเดินทางไกลมาถึงฟูโกว๊ก ผู้เขียนได้ค้นหาคำตอบเพิ่มเติมภาพในหัวถึงเกาะชื่อเสียงสูงนี้ของเวียดนามมาอยู่บ้าง และกูเกิลอิมเมจก็ให้คำตอบด้วยภาพของปลาดาวแขนขายาวที่เรียงรายอยู่เต็มหาด เกาะแห่งนี้ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาดาว! มากเสียจนเกิดเป็น ‘หาดปลาดาว’ (Starfish Beach) ที่ไม่ได้มีที่เดียวบนโลกในปานามาเท่านั้น เพราะหาดปลาดาวของฟูโกว๊ก หรือชื่อจริงๆ คือหาดสาว (Sao Beach) หรือไบสาว (Bai Sao Beach) ทางตอนเหนือของเกาะนั้นน้ำใสแจ๋วจนมองเห็นเพื่อนพ้องชาวทะเลบนผืนทรายได้ง่ายๆ โดยเป็นหาดที่ขดตัวยาวเป็นรูปพระจันทร์ มีหาดทรายสีขาวละเอียด ชาวบ้านว่ากันว่าชื่อไบสาวนั้นถูกตั้งมานมนานจากตอนที่พระอาทิตย์ลับฟ้า และเมื่อความมืดปกคลุมชายหาด เหล่าปลาดาวน้อยใหญ่จำนวนมากต่างทยอยกันมาอาบแสงจันทร์เต็มหน้าหาดจนชาวบ้านเรียกหาดแห่งนี้ว่าหาดปลาดาว นักท่องเที่ยวที่มามักถ่ายเซลฟี่คู่กับปลาดาวสีแดงและน้ำตาลจนกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายบนโลกออนไลน์
Address: ตอนเหนือของเกาะฟูโกว๊ก ห่างจากตัวเมือง 25 กิโลเมตร หรือราวๆ 1 ชั่วโมง
Note: ปลาดาวเป็นสัตว์ทะเล ไม่ควรนำมาเล่นหรือรบกวนการอยู่อาศัยตามธรรมชาติ
เรือนจำมะพร้าว
แม้ชื่อของเรือนจำต้นมะพร้าว (Phu Quoc Prison หรือ Coconut Tree Prison) จะฟังดูหน่อมแน้ม หากแท้จริงเป็นเรื่องราวอันขมขื่นในอดีตของชาวเวียดนามตั้งแต่สมัยสงครามอินโดจีน เมื่อฝรั่งเศสบุกเวียดนามและชาวเมืองลุกขึ้นต่อต้าน ทหารฝรั่งเศสสร้างคุกแห่งนี้โดยมีชื่อเรียกแต่ละคุกว่า A, B, C และ D กักขังและทารุณกรรมชาวเวียดนามกว่า 14,000 คนที่ต้องการเรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศส และจากบันทึกในสนธิสัญญาเจนีวา เมื่อสงครามจบลง นักโทษโดยมากได้ถูกปล่อยตัวกลับไปสู่ครอบครัว
แต่เรื่องราวความเศร้ายังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อสงครามเวียดนามกับสหรัฐฯ เริ่มต้นขึ้น ทหารอเมริกันก็นำคุกแห่งนี้กลับมาใช้เป็นสถานกักตัวนักโทษอีกครั้ง โดยในปี 1966 บริเวณใหม่ของคุกก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อนักโทษทหารเวียดนามที่มีจำนวนมากขึ้น ว่ากันว่ามีนักโทษในขณะนั้นถึง 40,000 คน โดยยกระบบความปลอดภัยให้แน่นหนากว่าเก่า มีการใช้สุนัขท้องถิ่นเป็นยามเฝ้า
นอกเหนือจากคุกกรงเสือ หรือ Catso Tiger Cage ที่ตั้งให้นักท่องเที่ยวเห็น บริเวณไม่ไกลกันยังแสดงให้เห็นถึงวิธีการหลบหนีที่มีนักโทษจำนวน 27 คนหลบหนีสำเร็จด้วยการใช้ส้อมขุดรูเป็นเวลา 6 เดือน เป็นระยะทางยาว 120 เมตร ลึก 1.5 เมตร นำพวกเขาออกไปสู่ป่าเพื่อรวมกลุ่มกับกบฏที่หลบหนีในป่า
‘แดนี่’ ไกด์หนุ่มชาวฟูโกว๊ก วัย 25 ปี เล่าให้ THE STANDARD ฟังถึงความขื่นขมที่รุ่นพ่อแม่ของเขาได้รับจากภัยสงครามที่ทหารอเมริกันบังคับทหารเวียดนามให้ทรมานเพื่อนร่วมชาติด้วยวิธีโหดเหี้ยมต่างๆ นานาเพื่อแลกกับความปลอดภัยของครอบครัว ที่แม้คนรุ่นใหม่เช่นเขาจะไม่รู้สึกโกรธแค้นทหารอเมริกันหรือฝรั่งเศสอีกต่อไป แต่ยังรู้สึกสะเทือนใจถึงอดีตที่ทำให้ฟูโกว๊กขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะคุมตัวนักโทษสงคราม
เขายังเล่าอีกว่าบรรพบุรุษเล่าให้ฟังถึงการว่ายน้ำข้ามฝั่ง หากโชคดีจะได้พบเรือไทยที่ปันน้ำใจให้ข้าวให้น้ำและพากลับไปใช้ชีวิตที่แดนสยาม แต่หากดวงไม่เข้าข้าง อาจได้พบชาวเขมรที่ทารุณและเข่นฆ่าคนเวียดนาม เหตุเพราะมองว่าเกาะฟูโกว๊กนั้นอยู่ในเขตแดนของเขมร นั่นทำให้คนฟูโกว๊กชื่นชมคนไทยมาจนทุกวันนี้
ทุกวันนี้คุกแห่งนี้ได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ และกลายเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ประจำชาติของเวียดนามเพื่อรำลึกถึงความโหดร้ายที่เพื่อนมนุษย์มีต่อกันยามสงคราม
Address: 350 Nguyen Van Cu, An Thoi Town, Phu Quoc Island, Kien Giang, Vietnam
Info: ไม่เสียค่าเข้าชม เปิดทุกวัน เวลา 7.00-17.00 น. phuquocprison.org
ชมโรงงานน้ำปลา
อาจฟังดูแปลกนิดๆ แต่ชาวเกาะฟูโกว๊กภูมิใจในรสชาติน้ำปลาของพวกเขา ไม่ต่างกับที่คนอิตาลียืดอกในความแจ่มของน้ำมันมะกอก ทำให้มีการจัดทัวร์ชมโรงงานทำน้ำปลาขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยมีคนอธิบายถึงกรรมวิธีทำน้ำปลาคุณภาพดีจากวัตถุดิบท้องถิ่น จากนั้นจึงนำมาหมักแรมปีในถังขนาดยักษ์ จนถึงการชิมน้ำสีอำพันที่ขอแนะนำให้พกยาหอมติดตัวไปด้วยเป็นดี เพราะแม้จะรักน้ำปลา มะนาว พริกแค่ไหน กลิ่นก็แรงแซงหน้าจนอาจอยากหาตัวช่วยบรรเทาจมูก ส่วนคนที่นี่จริงจังเรื่องน้ำปลาแค่ไหน ก็ถึงกับมีการการันตีด้วยใบประกาศ Geographical Indication หรือ Protected Designation of Origin (PDO) บ่งบอกว่าได้มาตรฐานสูงกว่ายี่ห้ออื่นๆ เชียว
บนเกาะแห่งนี้มีผู้ผลิตน้ำปลาอยู่ราว 85 ราย แต่มีโรงงานอยู่ 4 แห่งที่เปิดให้เที่ยวชม มีทั้งโรงงานเก่าแก่ไปจนถึงโรงงานแบรนด์ดังที่ส่งออกไปทั่วโลก แนะให้ปรึกษาโรงแรมที่พักเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงงานที่อยู่ไม่ไกล
ชมเจดีย์ไร้เรื่องราว
ต้องขอบคุณไกด์สหายชาวฟูโกว๊กผู้น่ารักที่บอกตรงๆ ว่าสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเจดีย์โห ก๊วก (Ho Quoc Pagoda) นั้นไม่ได้มีเรื่องราวอภินิหารหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรมาเกี่ยวข้อง หากแต่เป็นสถานที่ทางศาสนาพุทธแห่งใหม่เอี่ยมที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2012 ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามบนเนินเขาฝั่งชายหาดทางตะวันออก หันหน้าออกสู่ทะเลอ่าวไทยสีคราม ทั้งอากาศบริเวณเจดีย์ยังเย็นสบายจนเป็นสถานที่เหมาะแก่การมาไหว้พระและสั่นระฆังยักษ์ (ที่ไม่มีเรื่องราวเบื้องหลัง) แต่ข้อดีคือวิวนี่เองที่ทำให้การชมพระอาทิตย์ขึ้นในมุมสูงช่างตระการตาจนกลายเป็นจุดชมวิวที่ฮอตฮิตติดลมบนของเกาะ แนะให้มาถึงราวๆ ตีห้าเพื่อชมความงามนี้
Address: Thien Vien Truc Lam Chua ho Quoc, Phu Quoc Island, Vietnam (ห่างจากตัวเมืองดวงดงราวๆ 18 กิโลเมตร ทางตอนเหนือของหาดสาว)
เดินเล่นที่ตลาดดวงดง
แนะให้มาเดินทอดน่องส่องคนที่ตลาดดวงดง (Duong Dong Market) ที่เดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ช่วงกลางวัน (หากไม่รังเกียจบรรยากาศตลาดสด) เหมาะแก่การเดินข้ามสะพาน หยุดมองวิถีชาวเรือที่จอดเรียงรายพบปะหารือกัน ตลอดจนชมตลาดค้าขายอาหาร เหล่วิถีชาวเกาะแบบฟูโกว๊ก มีขายอาหารทะเลนานาชนิดตั้งแต่กบไปยันลูกปลาฉลาม (ใช่แล้ว คนที่นี่กินปลาฉลาม!) เพลินไปกับเสื้อผ้าลวดลายสดใสของบรรดาแม่ค้าที่ใส่แบบ print on print ไม่มียั้ง ถือเป็นความเพลิดเพลินตาควบไปกับอิริยาบถแม่ค้าพ่อค้าที่นอนหลับเคียงเขียงหมู หรือหัวใสสร้างเปลไว้ไกวบนแท่นขายของมันเสียเลย แต่โปรดระมัดระวังการเดินสักหน่อย เพราะนี่คือแผ่นดินเวียดนามที่มอเตอร์ไซค์เป็นใหญ่ คนเดินถนนเป็นรอง และอย่าตกใจถ้าเสียงแตรจะถูกบีบแบบรัวๆ เขาไม่ได้โกรธแค้นนักเลงทางอะไรกัน แค่ขอทางจนเป็นนิจเท่านั้นเอง บริเวณตลาดยังมีร้านน้ำอ้อย (ที่มักบีบมะนาวเพิ่มรสชาติ) ไปจนร้านกาแฟกิ๊บเก๋เรียกเสียงแชะลงไอจีอีกด้วย
ตกค่ำยังมีตลาดกลางคืนเปิดให้ขาช้อปได้จับจ่ายสินค้าพื้นบ้าน ของที่ระลึก ของกินนานาชนิด และให้ขาเฉื่อยได้นั่งชิลล์ริมทาง จิบเบียร์เวียดนามไปพลางขณะมองคนผ่านไปมา เป็นจุดนั่งเมาท์และถ่ายภาพที่ไม่เลวเลย ที่น่าแปลกใจคืออาหารยอดฮิตที่ดึงคนให้หยุดมองเป็นกลุ่มตลอดถนนทั้งเส้นกลับกลายเป็นไอศกรีมผัด ที่คงไม่มีเรื่องให้แปลกใจหากไม่ได้เหลือบไปเห็นบนป้ายเขียนว่า ‘Thailand Cream Roll…’ ที่มาจากไทยนั่นเอง
Address: Duong Dong, Phu Quoc Island, Vietnam
บรรพบุรุษของเขาเล่าให้ฟังถึงการว่ายน้ำข้ามฝั่ง หากโชคดีจะได้พบเรือไทยที่ปันน้ำใจให้ข้าวให้น้ำและพากลับไปใช้ชีวิตที่แดนสยาม แต่หากดวงไม่เข้าข้าง อาจได้พบชาวเขมรที่ทารุณและเข่นฆ่าคนเวียดนาม เหตุเพราะมองว่าเกาะฟูโกว๊กนั้นอยู่ในเขตแดนของเขมร นั่นทำให้คนฟูโกว๊กชื่นชมคนไทยมาจนทุกวันนี้
What to Eat
Nha Hang Crab House
แม้จะอิ่มจากไหนมา เมื่อมาจอดที่ร้านนาฮัง แครบ เฮาส์ แห่งนี้ เราขอให้ลอง! ทันทีที่เดินเข้าไปอาจประหลาดใจกับโปสเตอร์ทีมฟุตบอลภายในร้านที่กรีดร้องบอกความเป็นอเมริกันสุดกู่ นี่คือร้านที่ถ้าคนรักอาหารทะเลพลาดเป็นต้องเสียดายหนักมาก เนื่องจากอาหารทะเลที่สดใหม่ทั้งจากฟูโกว๊กและจากอเมริกา นำมาปรุงแบบหลุยเซียนา ใส่เครื่องเทศเคจันไม่ยั้ง สามารถเลือกได้ทั้งกุ้ง กั้ง ปู หอยแมลงภู่ หรือปลาหมึก เลือกขนาดถังที่เหมาะกับระดับความหิว ระดับความเผ็ดร้อน แล้วขอเพียงแค่ใส่ผ้ากันเปื้อนพลาสติกรอบคอก็ได้เวลาตะลุยปูถังสีแดงสดที่อยู่ตรงหน้าได้เลย
เจ้าของร้านชาวฟูโกว๊กที่เติบโตในอเมริกาและกลับมาเปิดร้านอาหารในบ้านเกิดบอกกับ THE STANDARD ว่า “ฟูโกว๊กเต็มไปด้วยอาหารทะเลสดใหม่คุณภาพ เราเลยอยากดึงรสของวัตถุดิบท้องถิ่นมาปรุงให้อร่อยขึ้นชื่อที่สุด” ซึ่งเขาพูดไม่ผิด นี่คือร้านอาหารที่นำความสดของอาหารเวียดนามมาปรุงใส่รสสะบัดช่อให้เข้ากับเครื่องปรุงสไตล์อเมริกันตอนใต้ จนออกมาเป็นปูและกุ้งถังที่รสเลิศจนคนรอบโต๊ะต่างก้มหน้าก้มตาละเลียด ไม่ไปไม่ได้แล้ว
Address: 21 Tran Hung Dao Phu Quoc, Kien Giang, Vietnam หรือโทร +8477 3845 067 หรือ www.facebook.com/Nha-Ghe-Phu-QuocNha-Hang-Crab-House-1106507659364186
Info: เปิดวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 11.00 – 22.00 น.
- เยือนเกาะสวรรค์ของเวียดนามทั้งที ลองดื่มด่ำอาหารทะเลสดใหม่ที่มีทั่วทั้งเกาะ กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดเวอร์ชันเวียดนามกันดูบ้างอย่าง ‘เนื้อก ชำ ไห สาน’ (Nuoc Cham Hai San) น้ำจิ้มสีเขียวเนื้อหนืดทำจากพริก น้ำมะนาว น้ำตาล เกลือ และรสเผ็ดจัดจ้านถึงใจราวกับชิมผงมาม่าก็ไม่ปาน หรือจะจิ้มแบบเรียบง่ายที่สุดคือ ‘หมุย เอิ๊ต จัน’ (Muoi Ot Chanh) เกลือ มะนาว และพริกไทย ก็แซ่บไปอีกแบบ
- ความที่เพิ่งหันมาเอาดีด้านการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ทำให้คนฟูโกว๊กอาจยังไม่สันทัดในภาษาอังกฤษเท่าใดนัก ดังนั้นแนะให้เปิดคู่มือภาษาเวียดนามเอาไว้บ้าง หรือทำความรู้จักภาษาท้องถิ่นก่อนไปก็เป็นดี แถมยังทำให้การเดินทางสนุกขึ้นอีกด้วย
- นอกจากจะไปต่อเครื่องที่โฮจิมินห์แล้ว ขณะนี้ยังสามารถบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปท่าอากาศยานนานาชาติฟูโกว๊กได้ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่จะเปิดเส้นทางบินสู่เกาะสวาทหาดสวรรค์ของเวียดนาม โดยจะเปิดให้บริการในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ สำรองที่นั่งกันได้ที่ www.bangkokair.com