วันนี้ (27 กรกฎาคม) เวลา 11.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ซึ่งช้ากว่าไทย 1.30 ชั่วโมง) ณ Bharat Mandapam International Exhibition and Convention Centre กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 ผ่านระบบวีดิทัศน์ ภายหลังคณะกรรมการมรดกโลกมีมติให้ขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ ภูพระบาท เป็นมรดกโลก
ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญว่า นายกฯ กล่าวขอบคุณคณะกรรมการมรดกโลก ศูนย์มรดกโลก และองค์กรที่ปรึกษา ที่พิจารณาขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นมรดกโลก ภายใต้ชื่อ ‘ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี’ ด้วยตระหนักถึงเกณฑ์คุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากล (Outstanding Universal Value: OUV) ซึ่งทำให้ในปัจจุบันไทยมีรายชื่อแหล่งมรดกโลกรวม 8 แห่ง ประกอบด้วยมรดกโลกทางวัฒนธรรม 5 แห่ง และมรดกโลกทางธรรมชาติ 3 แห่ง ทำให้จังหวัดอุดรธานีจะเป็นจังหวัดเดียวในไทยที่เป็นที่ตั้งแหล่งมรดกโลก 2 แห่ง
นายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า แหล่งมรดกโลกภูพระบาทประกอบด้วยอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และแหล่งวัฒนธรรมสีมา เป็นตัวแทนวัฒนธรรมสีมาที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยทวารวดีที่มีอายุราวศตวรรษที่ 8 และนับเป็นแหล่งที่ตั้งแหล่งใบเสมาที่ใหญ่ที่สุดของโลก
ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียนภูพระบาทเป็นมรดกโลกในวันนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อไทย และนำมาซึ่งผลประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นต่อไปในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และปกป้อง แหล่งมรดกโลกในทุกระดับ ตลอดจนดำเนินการยกระดับการมีส่วนร่วมในการวิจัยทางวิชาการ เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติอีกทางหนึ่ง และนายกฯ หวังว่าจะได้ต้อนรับทุกคนในการเดินทางมาเยือนไทย เพื่อเยี่ยมชมภูพระบาทที่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกลำดับล่าสุดของไทย