วันนี้ (19 กรกฎาคม) พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังปิดประชุมรัฐสภาวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 ว่า ตนเองยังไม่เจอพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพราะไม่ได้อยู่ในห้องประชุมสภา
เมื่อถามว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้มีการคุยกันหรือไม่ พิจารณ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน แต่พิธายังกำลังใจดี หลังจากนี้พรรคก้าวไกลต้องไปหารือกันอีกครั้ง
ส่วนที่พิธาระบุจะเปิดทางให้พรรคเพื่อไทย หากพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ มีกำหนดระยะเวลาเมื่อใดนั้น พิจารณ์กล่าวว่า จริงๆ วันนี้ตั้งใจจะมาร่วมประชุมเพื่อให้เกิดการลงมติเสนอชื่อพิธา แต่ปรากฏว่ากระบวนการเสนอชื่อพิธายังไม่เกิดขึ้น กลายเป็นการตีความการเสนอชื่อเป็นญัตติ จนมีการลงมติอย่างที่เห็น
ตนก็ต้องอธิบายกับประชาชนว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่เกิดจากการตีความว่าการเสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯ เป็นญัตติตามข้อบังคับที่ 41 ซึ่งข้อบังคับบอกว่าถ้าญัตติใดตกไปแล้วไม่สามารถจะเสนอช้ำในสมัยประชุมได้ เว้นแต่ประธานจะวินิจฉัยว่าเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปจึงจะเสนอได้
“แต่เมื่อมีการตีความแบบนี้ ที่ประชุมลงคะแนนแล้วก็ปิดประชุมทันที ยังไม่ได้เข้าสู่การเสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯ แล้วประธานจะวินิจฉัยว่ามีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ มันก็คล้ายๆ กับยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ ยังไปไม่ถึงการเสนอชื่อพิธาแล้วมีการลงมติ นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ส่วนหลังจากนี้ก็คงต้องพูดคุยกันภายในพรรค อาจเป็นพรุ่งนี้ ตอนนี้โทรหาพิธาก็ยังไม่รับสาย จึงยังไม่ได้พูดคุยกัน” พิจารณ์กล่าว