หุ้น บมจ.แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป หรือ PHG เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (6 กรกฎาคม) เป็นวันแรก ราคาเปิดการซื้อขายที่ 19.80 บาท ลดลง 1.20 บาท หรือติดลบ 5.7% จากราคาจองซื้อ IPO ที่ 21 บาท โดยระหว่างการซื้อขายในช่วง 30 นาทีแรก ราคาหุ้นร่วงไปทำจุดต่ำสุดที่ 19.10 บาท ติดลบ 9.05% ขณะที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 21.10 บาท จากนั้นราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าราคา IPO
PHG เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน SET ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ ด้วยมูลค่าระดมทุน 1,134 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 6,300 ล้านบาท
PHG ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่ให้บริการทางการแพทย์ทั่วไปและเฉพาะทาง ภายใต้ชื่อ ‘โรงพยาบาลแพทย์รังสิต’ มากว่า 37 ปี ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในจังหวัดปทุมธานี และขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้จัดตั้งโรงพยาบาลในเครือเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต และโรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 โดยมีจำนวนเตียงจดทะเบียนรวม 270 เตียง รองรับลูกค้าทั้งกลุ่มทั่วไป กลุ่มโครงการสวัสดิการภาครัฐ และลูกค้าต่างชาติ โดยมีจุดเด่นที่การให้บริการเฉพาะทาง ได้แก่ ศูนย์หัวใจ 24 ชั่วโมง ซึ่งมีศักยภาพในการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด (Open Heart Surgery) และสูตินรีเวชกรรมและกุมารเวชกรรมที่สามารถรักษาโรคที่ซับซ้อนได้
PHG มีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 246 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) 54 ล้านหุ้น โดยเสนอขายให้แก่บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 40.53 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัท 8.1 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อย 5.37 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO โดยการประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ซึ่งคิดเป็น 26.58 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด
โดยมีบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญร่วม
รณชิต แย้มสอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนมาขยายธุรกิจในแนวดิ่งต่อยอดการพัฒนาศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์สำหรับโรคผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง และโรคทางนรีเวชกรรม เพื่อยกระดับกลุ่มโรงพยาบาลให้เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรเงินสำรองตามกฎหมาย
PHG มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่
- กลุ่มนามสกุลตระกูลช่าง ถือหุ้น 37.22%
- กลุ่มนามสกุลแย้มสอาด ถือหุ้น 28%
- อภิรดี ดิศแพทย์ ถือหุ้น 2.25%