วันนี้ (3 มีนาคม) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ โดยมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช หรือ หมอมิ้ง เป็นประธาน พร้อมผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจด้านต่างๆ ได้แก่ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตที่ปรึกษาด้านนโยบาย 3 นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศ ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตผู้แทนการค้า และที่ปรึกษานายกฯ ด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ มาร่วมเป็นที่ปรึกษา นอกจากนี้ยังมี กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เป็นรองประธาน
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ในฐานะประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยหลังการระบาดของโรคโควิดและภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตลอดจนสงครามเศรษฐกิจจีน-สหรัฐอเมริกา ส่งผลทำให้ประชาชนไทยทุกข์ยากต่อเนื่องมากขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา จึงถือเป็นความท้าทายของพรรคการเมืองที่จะนำพาประเทศและประชาชนฝ่าพ้นวิกฤตครั้งนี้ให้จงได้
การต่อสู้ในสงครามเศรษฐกิจในครั้งนี้ต้อง ‘เข้าใจปัญหา’ เท่าทันสถานการณ์ และภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกมิติ จึงมีความจำเป็นต้องระดมสมอง แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางและ ‘วิธีการแก้ปัญหา’ ต่อไป
ทั้งนี้ พรรคจึงได้เชิญบุคคลผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศในด้านต่างๆ มาให้คำปรึกษา และร่วมเป็นกรรมการ สำหรับกรรมการที่ได้รับเชิญ ได้แก่ น.สพ.ชัย วัชรงค์ นักวิชาการด้านการเกษตร ที่จะแปรเปลี่ยนผลิตผลทางการเกษตรให้เป็นรายได้ พงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ อดีตผู้บริหารฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับบุคลากรที่หลากหลายและนักการเมืองรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย เช่น จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นผู้อภิปรายรัฐบาลในประเด็นเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึง จักรพงษ์ แสงมณี นักธุรกิจผู้ประกอบการรุ่นใหม่ กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส. จังหวัดหนองคาย พรรคเพื่อไทย อดีตผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าการลงทุนชายแดน ศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส. จังหวัดเลย พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านไอทีและอาชญากรรมทางไซเบอร์ ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ รวมทั้ง ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ ผู้ประกอบการด้านธุรกิจยานยนต์
คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนกลางในการระดมความรู้ ความสามารถ และความร่วมมือในการกอบกู้เศรษฐกิจของเราต่อไป เราจะบริหารให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น
“หากเปรียบการบริหารเศรษฐกิจของประเทศเป็นเหมือนบริหารบริษัท ก็ต้องเป็นบริษัทที่ประชาชนทุกคนเป็นผู้ถือหุ้น ประโยชน์ต้องนำมาแบ่งปันแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ไม่ใช่บริหารประเทศให้ประโยชน์แก่พี่น้องและพรรคพวกของตนโดยทอดทิ้งประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศไทยให้ฟื้นแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง เพราะเราเคยทำมาแล้ว ตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง อุทกภัยครั้งสำคัญ และมาถึงตอนนี้ ซากปรักหักพังที่เกิดขึ้นจะฟื้นกลับมาด้วยฝีมือของพรรคเพื่อไทย”
นอกจากคณะกรรมการชุดนี้ พรรคเพื่อไทยยังมีชุดทำงานด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเกษตร ด้านพลังงาน ด้านสาธารณสุข ด้านนวัตกรรมและการมีส่วนร่วม ฯลฯ ที่พร้อมร่วมกอบกู้ประเทศไทยด้วยกัน เพราะพรรคเพื่อไทย ‘คิดใหญ่ ทำเป็น’