วันนี้ (7 สิงหาคม) ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดน่าน และหัวหน้าพรรคฯ พร้อมแกนนำพรรคฯ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคฯ และ ประเสริฐ จันทรรวงทอง สส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคฯ ให้การต้อนรับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ประกอบไปด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคฯ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคฯ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคฯ และ ไชยชนก ชิดชอบ สส. บุรีรัมย์ ลูกชาย เนวิน ชิดชอบ โดยแกนนำทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันนานประมาณ 30 นาที
จากนั้น เวลา 16.35 น. ได้แถลงจัดตั้งรัฐบาล โดยอนุทินกล่าวว่า วันนี้ได้มาพรรคเพื่อไทยเป็นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่เชิญมาหารือจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยตอบรับคำเชิญจากพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล จากการหารือ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยไม่ขัดข้อง ตาม 3 หลักการที่เคยเสนอ คือไม่แตะต้องมาตรา 112 ไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล และเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีอุปสรรคมากที่สุด ขอยืนยันว่าขณะนี้ถ้าหากยังไม่ได้เชิญพรรคอื่นมาหารือ หรือว่าตอนนี้มี 212 เสียง คือ 141 จากพรรคเพื่อไทย และ 71 เสียงจากภาคภูมิใจไทย ให้ความมั่นใจว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาล และมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้วแน่นอน จากนี้เราจะร่วมมือกันในการหาเสียงเพื่อทำงานให้พี่น้องประชาชน
ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขอบคุณพรรคภูมิใจไทยที่ตอบรับคำเชิญในการร่วมรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะวิกฤตรัฐธรรมนูญที่ทำให้เกิดความยุ่งยากในการจัดตั้งรัฐบาล อาจจะผิดธรรมเนียมบ้าง ซึ่งเงื่อนไขของพรรคภูมิใจไทยเรารับได้ ทั้งนี้ 212 เสียงจะเป็นเสียงข้างต้นในการจัดตั้งรัฐบาล
จากนั้น นพ.ชลน่าน ได้อ่านแถลงการณ์ แม้เราจะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง แต่ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมีความรุนแรง การประวิงเวลาออกไปทำให้เกิดความเสียหาย การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรยิ่งแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้รวดเร็วมากขึ้น เราประสงค์ทำงานการเมืองสร้างสรรค์ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองในสังคม และวิกฤตรัฐธรรมนูญก่อตัวเป็นปัญหาของประเทศ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้
- ยึดวาระของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง
- เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรกให้ทำประชามติ
- ดำเนินการการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้านและรัฐบาลสามารถทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่
- จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้
- เปิดกว้างให้ สส.-สว. มีส่วนร่วมในการเลือกนายกฯ เพื่อผ่าทางตัน
หลังจากนี้จะเดินหน้าทำความเข้าใจทุกภาคส่วนของสังคม ทั้ง สส.-สว. จึงขอร้องจากทุกพรรคการเมือง ทุกฝ่ายมากอบกู้วิกฤตของประเทศ
ส่วนจะมีพรรคการเมืองใหม่ที่เข้าร่วมหรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการเชิญพรรคการเมืองอื่นหารือ คาดว่าจะดำเนินการภายในสัปดาห์นี้
ด้านภูมิธรรมระบุว่า เราเรียกร้องทุกฝ่ายช่วยกันโหวตนายกรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวกับการตั้งรัฐบาล และไม่ได้ปิดกั้นบุคคลในการเข้าร่วมรัฐบาล
อนุทินระบุว่า พรรคภูมิใจไทยไม่มีนโยบายจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะไม่เกิดความมั่นคงทางการเมือง และคำว่า 188 ไม่เคยมีอยู่ในสมการจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่ามาแค่ 71 คน มีอยู่แค่นี้
เมื่อถามว่าเป็นหน้าตาของรัฐบาลสมานฉันท์หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การที่เราหันหน้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ส่วนการจับมือร่วมรัฐบาลครั้งนี้จะมีลุงหรือไม่นั้น อนุทินยืนยันว่าเรามีแค่ 3 เงื่อนไข ถ้านอกเหนือกว่านั้นเราไม่มีปัญหา เราทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง ส่วนจะยืนยันว่าการจับมือตรงนี้จะสุดทางจนตั้งนายกฯ ได้สำเร็จและไม่มีการสลับขั้วอีกหรือไม่นั้น การพูดอะไรที่ผูกมัดตัวเองจนเกินไปอาจจะทำให้เกิดทางตัน ขอให้เอาบ้านเมืองเป็นหลัก มั่นใจว่าเราหาทางออกได้
เมื่อถามว่า ยืนยันว่าจะจับมือกับ 2 ลุงแล้วผลักก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า เราไม่มี 2 ลุง ซึ่งบอกชัดในการแถลงการณ์ ส่วนการรณรงค์อาจมีกระทบกระทั่งกัน เช่น ‘ไล่หนูตีงูเห่า’ เป็นเพียงการรณรงค์เพื่อให้ได้เสียงเลือกตั้ง เราไม่เคยประกาศว่าเป็นศัตรูกับใคร แต่เป็นเพียงเทคนิคการหาเสียง ทั้งนี้ยืนยันว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยยังเป็น เศรษฐา ทวีสิน และเศรษฐาได้ถอนฟ้องกรณีกัญชากับพรรคภูมิใจไทยแล้ว
เมื่อถามว่า เชื่อมั่นในการจัดตั้งร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยเมื่อเทียบกับการตั้งรัฐบาลกับก้าวไกลแค่ไหน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญมีข้อจำกัด เพราะต้องอาศัยเสียงจาก สว. ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้เราไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลได้ เพราะ สว. บอกว่าจะไม่ลงคะแนนให้ถ้ามีพรรคก้าวไกล ไม่เกี่ยวกับพี่น้องประชาชน การจับมือกับพรรคภูมิใจไทยซึ่งได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนเป็นลำดับที่ 3 ซึ่งไม่ได้มาจากการแต่งตั้ง แต่มาจากประชาชนเช่นเดียวกัน ก็ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนได้
ภูมิธรรมระบุว่า วันนี้เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดกับฉากทัศน์ใหม่ เรามอง สส. จากทุกพรรคในสภา ทุกพรรคการเมืองเป็นตัวแทนของประชาชนที่เลือกเข้ามา ต่างความคิด ต่างยุคนิยม ต่างความเชื่อ เพราะฉะนั้นในระบอบประชาธิปไตยเป็นเวทีที่รวบรวมประสานงานความคิดต่างๆ ของประชาชน
“ทุกพรรคการเมืองต่างมีฐานประชาชนที่สนับสนุน การที่จะตั้งรัฐบาลในภาวะวิกฤตแบบนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรวบรวมส่วนต่างๆ ให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนเข้าไปด้วย แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเป็นจริงที่ปรากฏในสังคมว่ามีสภาวะอะไร แล้วสามารถทำให้เราตั้งรัฐบาลและฝ่าวิกฤตประเทศไปได้อย่างไร เราพยายามทำอยู่บนเงื่อนไขที่พี่น้องประชาชนต้องการ และสภาพการเมืองไทย” ภูมิธรรมกล่าว
ภูมิธรรมระบุอีกว่า “การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เราเริ่มต้นด้วยประชาชนที่เลือกเข้ามากับพรรคภูมิใจไทย เราเริ่มต้นด้วยการร่วมมือกันของ 2 พรรค ของ 212 เสียง เป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นไปได้ จากวันนี้จะได้พรรคที่มาจากสองขั้ว ทั้งจากพรรค 8 เดิม และพรรครัฐบาลเดิม มีทั้งพรรคที่ไม่มีปัญหาคือภูมิใจไทย และพรรคที่มีปัญหา ขอให้รอวันที่เลือกตั้งเสร็จ ว่าเราได้คำนึงถึงความต้องการของประชาชนกับความเป็นจริงทางการเมืองอย่างไร แล้วตรงนั้นจะมีคำตอบ เราตัดสินใจว่าอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนที่เลือกเรามา และต้องคำนึงถึงความร่วมมือกันของพรรคการเมืองด้วย”